นางอรัญญา ผู้เป็นแม่ เล่าว่า สืบเนื่องจากเมื่อประมาณ เดือนตุลาคม 2559 ที่ผ่านมา น้องอธิปัตย์ ได้ทำบัตรประจำตัวประชาชนหาย และได้มีการแจ้งทำบัตรใหม่แล้ว ต่อมาเมื่อวันที่ 28 เม.ย.ที่ผ่านมา นายพชรฯ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ อีกจำนวน 2 นาย ได้เดินทางมาพบบอกว่า นายอธิปัตย์ ไชยวุฒิ บุตรชายของตนเองได้ฉ้อโกงเงินไปจำนวนกว่า 6 แสนบาท ซึ่งเป็นเงินค่าซื้อขายมะขามที่โอนเข้าบัญชีธนาคารที่ระบุชื่อของบุตรชายเป็นเจ้าของบัญชี แต่กลับไม่ได้มะขามตามที่ตกลงไว้ และได้เข้าแจ้งความที่ สภ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์
ซึ่งตนเองและสามีรวมถึงลูกเมื่อทราบข่าวก็ตกใจอย่างมาก เพราะไม่มีทางเป็นไปได้เลยว่าลูกชายจะทำธุรกิจ เพราะยังเป็นนักศึกษา และอายุเพียง 19 ปีเท่านั้น ต่อมาได้ตนเองและสามีได้หาหลักฐานยืนยันกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.หล่มสัก ทั้งเอกสารทางราชการที่ลูกชายไปทำหรือติดต่อราชการในช่วงเวลานั้น รวมถึงภาพจากกล้องวงจรปิดต่างๆ เพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ ซึ่งต่อมาทางตำรวจได้มีการออกมาเรียกรวม 2 ครั้ง เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา เพื่อเข้าให้ปากคำพร้อมนำหลักฐานยืนยัน
โดยเจ้าหน้าที่ระบุว่า วันที่ 26 เม.ย.ที่ผ่านมา เวลา 10.30 น. ได้มีการใช้บัตรประชาชนของนายอธิปัตย์ฯ เปิดบัญชีธนาคารกรุงเทพสาขาเด่นชัย จ.แพร่ ซึ่งหลังจากได้มีการโอนเงินจำนวนกว่า 6 แสนบาทค่ามะขามเข้าบัญชีแล้ว จากนั้นเวลา 12.16 น.ก็ได้มีการถอดเงินที่ห้างเทสโก้โลตัสสาขาแพร่ไปจำนวนกว่า 6 แสนบาทออกไปจากบัญชีจนหมด ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็ได้มีการนำภาพขณะเข้าไปในธนาคารให้ดูด้วย ซึ่งก็ได้มีการชี้แจงกับเจ้าหน้าที่ไปแล้ว ว่าไม่ใช่ภาพบุตรชายของตนเอง
โดยขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้มีการออกหมายจับบุคคลตามภาพแล้ว แต่ไม่ได้ระบุว่าเป็นบุตรชายของตนเอง ซึ่งภายในสัปดาห์นี้ ทางเจ้าหน้าที่ ได้มีการเรียกตัวบุตรชายไปเข้าให้ปากคำอีกครั้ง ซึ่งตนเองในฐานะผู้เป็นแม่ ก็เกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม จึงเข้าร้องต่อสื่อมวลชน เพื่อเป็นสื่อกลางในการขอความเป็นธรรมผ่านหน่วยงานที่รับผิดชอบ ให้กับลูกชายตนเองด้วย และขอฝากเตือนให้ประชาชนทั่วไปเป็นอุทาหรณ์ ว่าต้องเก็บบัตรประชาชนไว้ให้ดี และเมื่อทำบัตรหายก็ควรจะมีมาตรการอย่างใดอย่างหนึ่งในการเซฟตี้การนำบัตรไปใช้ในทางที่ไม่ถูกต้อง หรือก่อให้เกิดความเสียหายกับเจ้าของบัตร เหมือนลูกชายตนเอง นอกจากนี้นางอรัญญาฯ ยังระบุว่า ที่ผ่านมาได้มีการเกิดเหตุการณ์เช่นนี้กับลูกนักการเมืองท้องถิ่นในพื้นที่ด้วยโดยอ้างว่าฉ้อโกงเงินไปราว 4 แสนบาทซึ่งคล้ายๆกับบัตรชายของตนเอง