จากกรณี นักท่องเที่ยวพบจระเข้น้ำเค็ม แหวกว่ายอยู่ในทะเลใกล้ชายหาดบางเทา จ.ภูเก็ตความยาวประมาณ 3 เมตร เป็นที่ตื่นตระหนก โดยผู้ที่เผยแพร่ภาพดังกล่าวระบุว่า โดยผู้ที่ส่งภาพมายังระบุไว้ว่า "เขาอยากให้ภาพดังกล่าวเพื่อให้มีการนำเสนอ แต่ไม่ต้องการที่จะให้จระเข้ถูกฆ่าตาย หรืออาจจะส่งผลให้มันสูญหายไปจากทะเลอันดามัน อยากให้มีวิธีดำเนินการอย่างปลอดภัยแต่ไม่จำเป็นต้องฆ่า"
เปิดที่มาไอ้เข้น้ำเค็ม!! โผล่ทะเลภูเก็ต! แฉนิสัยสุดดุร้าย-กระโดดงับเหยื่อ ฉายา “Man Eater”
หน้าแรกTeeNee ที่นี่ข่าววันนี้, ข่าวหน้าหนึ่ง ข่าวอื่นๆ เปิดที่มาไอ้เข้น้ำเค็ม!! โผล่ทะเลภูเก็ต! แฉนิสัยสุดดุร้าย-กระโดดงับเหยื่อ ฉายา “Man Eater”
สำหรับ จระเข้น้ำเค็ม (Saltwater Crocodile) จากข้อมูลของเว็บไซต์สวนสัตว์โคราช ระบุว่า จระเข้น้ำเค็ม หัวยาวเพรียว ไม่มีเกล็ดท้ายทอย 4 เกล็ดให้เห็น ขาหลังมีพังผืดยึดนิ้วทั้ง 5 ซึ่งเห็นได้ชัดเจน และพังผืดยาวจรดปลายนิ้ว อาศัยอยู่ตั้งแต่ฝั่งทะเลตะวันออกของอินเดีย ถึง ฟิลลิปินส์ และทางเหนือของออสเตรเลีย ทางใต้ของไทยและมาเลเซีย โดยปกติแล้วลูกจระเข้น้ำเค็มกินปลา แมลง ปู กบ ส่วนตัวที่โตเต็มวัยจะกินสัตว์บกที่มีขนาดใหญ่ขึ้น เช่น หมู รวมทั้งคนก็กินได้ จระเข้น้ำเค็มมีนิสัยดุร้ายมาก กินคนเป็นอาหารได้ อาศัยอยู่ในที่ลุ่ม หนอง บึง และแม่น้ำที่ไม่มีบ้านเรือนตั้งอยู่
จระเข้พันธุ์น้ำเค็มจะเริ่มไข่ได้เมื่ออายุ 12 - 15 ปี มีความต้องการสภาพแวดล้อมที่แตกต่างจากจระเข้น้ำจืด ตั้งแต่ต้องการบ่อที่กว้างกว่า ในบางครั้งต้องการน้ำกร่อยหรือน้ำเค็ม ผสมพันธุ์ในฤดูหนาว ผสมพันธุ์ปีละครั้ง ออกไข่ในหลุมดินในช่วงฤดูร้อนหรือต้นฤดูฝน ฟักไข่ในหลุมดินประมาณ 11 สัปดาห์ วางไข่ครั้งละ 60 - 80 ฟอง จระเข้น้ำเค็มมีขนาดใหญ่ที่สุดในบรรดาจระเข้ ตัวใหญ่ที่สุดที่เคยพบยาว 7 เมตร ปัจจุบันมีสถานะเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง ตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พุทธศักราช 2535
ในส่วนความดุร้ายของจระเข้น้ำเค็ม เว็บไซต์วิกิพีเดีย ระบุเพิ่มเติมว่า จระเข้น้ำเค็มมีอุปนิสัยดุร้ายมาก สามารถโจมตีสัตว์ที่โดยปกติไม่ใช่อาหารได้ เช่น มนุษย์ เป็นต้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบางถิ่นของออสเตรเลียที่ขึ้นชื่ออย่างยิ่งในเรื่องการโจมตีมนุษย์ของจระเข้น้ำเค็ม อีกทั้งมีการกัดของกรามได้อย่างรุนแรงมากที่สุดในโลก โดยมีแรงมากถึง 1,700 ปอนด์ และสามารถกระโดดงับเหยื่อได้ ซึ่งไม่น่าเป็นไปได้ในสัตว์เลื้อยคลายขนาดใหญ่เช่นนี้ จนกระทั่งมีชื่อเรียกในภาษาอังกฤษว่า "Man Eater" (ไอ้กินคน)
ที่มา : ข่าวสด
เครดิต :
ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!" ประกาศ "
ร่วมแสดงความคิดเห็น