เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 8 ส.ค. ที่ห้องพิจารณา 709 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์คดีหมายเลขดำ อ.?1748/2559 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 3 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง บริษัท ไร่ส้ม จำกัด
โดยนายสรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมการผู้จัดการฯ, นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา อายุ 51 ปี อดีตพิธีกรรายการเล่าข่าวชื่อดัง, น.ส.มณฑา ธีระเดชอายุ 44 ปี เจ้าหน้าที่บริษัทไร่ส้มฯ และนางพิชชาภา เอี่ยมสะอาดหรือ นางชนาภา บุญโต อายุ 48 ปี อดีตพนักงานจัดทำคิวโฆษณาของบริษัท อสมท. จำกัด (มหาชน) เป็นจำเลยที่ 1-4 ในความผิดฐานร่วมกันปลอมเอกสารสิทธิ และใช้หรืออ้างเอกสารสิทธิปลอม และร่วมกันทำให้เกิดความเสียหาย
คดีนี้อัยการโจทก์ ยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2559 สรุปว่า ประมาณกลางเดือน กรกฎาคม 2549 จำเลยทั้งสี่ ร่วมกันนำเอกสารใบคิวโฆษณา รายการคุยคุ้ยข่าวระหว่างเดือนมกราคม-พฤษภาคม 2549 จำนวน 139 แผ่น ซึ่งเป็นเอกสารสิทธิที่จำเลยร่วมกันทำปลอมขึ้น ไปใช้ยื่นต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ บมจ.อสมท จำกัด เพื่อเป็นหลักฐานในการโฆษณา และคิดค่าโฆษณาส่วนเกินในรายการคุยคุ้ยข่าว ทำให้พนักงานเจ้าหน้าที่ บมจ.อสมท หลงเชื่อว่าเอกสารใบคิวโฆษณานั้นเป็นเอกสารจริง ทำให้บจก.ไร่ส้ม จำเลยที่ 1 ไม่ต้องเสียค่าโฆษณา หรือเสียค่าโฆษณาส่วนเกินน้อยกว่าความเป็นจริง การกระทำดังกล่าวทำให้ บมจ.อสมท ได้รับความเสียหาย
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ยกฟ้อง เนื่องจาก เห็นว่าการกระทำของจำเลยที่ 1-4 ในคดีนี้เป็นความผิดตามที่ศาลอาญาได้มีคำพิพากษาในคดีหมายเลขดำ อ.313/2558ซึ่งเป็นการกระทำกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบทแล้ว จึงเป็นการฟ้องซ้ำ และให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความ
ต่อมาอัยการโจทก์ยื่นอุทธรณ์
ในวันนี้ อัยการโจทก์ และนายสรยุทธ จำเลยที่ 2, น.ส.มณฑา จำเลยที่ 3 นางพิชชาภา จำเลยที่ 4 มาศาลพร้อมทนายความ
ศาลอุทธรณ์ตรวจสำนวนปรึกษากันแล้วมีประเด็นวินิจฉัยว่าเป็นการฟ้องซ้ำจำเลยทั้งสี่ในคดีที่ศาลอาญาเคยมีคำพิพากษาแล้วหรือไม่
เห็นว่า อัยการโจทก์ฟ้องคดีนี้ว่าจำเลยได้ปลอมแปลงเอกสารและใช้เอกสารปลอม เพื่อจุดประสงค์ไม่ให้ บ.ไร่ส้มฯ จำเลยที่ 1 เสียค่าโฆษณาส่วนเกินหรือเสียน้อยกว่าความเป็นจริงให้แก่ผู้เสียหายนั้น พฤติการณ์จำเลยที่ใช้เอกสารปลอมนั้น ถือเป็นการกระทำกรรมเดียวกัน เจตนาเดียวกันอันเป็นการทุจริต ซึ่งศาลอาญาได้เคยมีคำพิพากษาในคดีหมายเลขแดง อ.595/2559 หรือคดีดำ อ.313/2558 เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม 2559 ให้ลงโทษจำคุกจำเลยทั้งสี่แล้ว และเมื่อศาลอาญาได้มีคำพิพากษาแล้ว
สิทธิในการนำคดีมาฟ้องของอัยการโจทก์ จึงระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 39 (4) จึงพิพากษายืนให้ยกฟ้อง
นายสรยุทธ กล่าวภายหลังฟังคำสั่งถึงคดีร่วมปลอมเอกสารใบคิวโฆษณาว่า คำพิพากษาขึ้นอยู่ดุลยพินิจของศาล ตนทำหน้าที่ต่อสู้คดีอย่างเต็มที่ในการชี้แจงความบริสุทธิ์ ที่ผ่านมาหากตนทุจริตประพฤติมิชอบทำไมจึงเอาเอกสารตัวจริงมาให้ตรวจสอบอีก
ทั้งทีตนก็ไม่ทราบว่าอีกฝ่ายจะเอาที่ลบกระดาษ (ลิควิดน้ำยาลบคำผิด) ไปลบข้อความทำไม ซึ่งในชั้นอุทธรณ์คดีหลักก็ได้มีการอธิบายประเด็นนี้ และประเด็นอื่น ๆ ทุกประเด็น โดยในศาลชั้นต้นก็มีการสืบพยานเพื่อให้ศาลเห็นว่า บ.ไร่ส้ม ส่งเอกสารตามความเป็นจริง ไม่มีรอยลบเอกสาร มีพยานยืนยันว่าไม่มีการลบ ขณะที่คดีหลักศาลนัดอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์วันที่ 29 สิงหาคมนี้ เวลา 09.00 น.
ส่วนตัวก็ทำหน้าที่พิสูจน์ความจริงอย่างเต็มที่ พยายามทำให้ศาลท่านเมตตาให้ความเป็นธรรม ให้เห็นว่าข้อเท็จจริงเกิดอะไรขึ้น อย่างไร ทั้งนี้เป็นดุลยพินิจของศาลตนต้องให้ความเคารพ ยืนยันว่าพร้อมจะมาสั่งคำพิพากษา
"ตอนนี้กลับมาอยู่ กทม. ส่วนบ้านที่เขาใหญ่ปลูกไว้ให้แม่ไปพัก ยอมรับว่าคนที่มีคดีอยู่ย่อมมีความเครียด จะให้บอกว่าสบายใจมันก็คงไม่ใช่ จากแต่ก่อนเคยทำงานทุกวัน ไม่ต้องคิดอะไรแต่ตอนนี้ไม่ได้ทำแล้วก็เครียดเป็นธรรมดา ทุกอย่างที่ทำมาเราได้ทำเต็มที่ สิ่งที่เราทำมาก็น่าจะเป็นประโยชน์ที่ทำให้สังคมได้เห็นบ้าง และน่าจะได้เห็นเจตนาของเราว่าเป็นอย่างไร สุดท้ายหากผลคดีออกมาพิพากษายืนอาจทำให้ประกันตัวยากขึ้นถึงอย่างไรก็จะต้องพยายามยื่นขอประกันตัวให้ได้ต่อไป" นายสรยุทธกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
ด้านนายมนต์อนันต์ เรืองจรัส ทนายความส่วนตัว กล่าวว่าเมื่อคดีปลอมเอกสาร ศาลชั้นต้นและศาลอุธทรณ์ มีคำพิพากษายืนให้จำหน่ายคดีออกจากสารนะบบความเพราะเป็นการฟ้องซ้ำ ในทางกฏหมายก็ไม่สามารถที่จะฏีกาได้อีก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคดีที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ2เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นางพิชชาภา อดีตพนักงานจัดทำคิวโฆษณาของ บ.อสมท ฯ, บ.ไร่ส้มฯ โดย น.ส.อังคนา วัฒนมงคลศิลป์และ น.ส.สุกัญญา แซ่ลิ่มในฐานะ กก.ผจก.บจก.ไร่ส้ม, นายสรยุทธ อดีตผู้ดำเนินรายการข่าวชื่อดังฯ และน.ส.มณฑา เจ้าหน้าที่บ.ไร่ส้มฯ เป็นจำเลยที่ 1-4 ในความผิดฐานเรียก รับทรัพย์สินฯโดยมิชอบ, ใช้อำนาจหน้าที่โดยทุจริต อันเป็นการเสียหายแก่องค์กร, เป็นพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบฯ และสนับสนุนพนักงานกระทำผิด อันเป็นความผิด พ.ร.บ.ว่า ด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2502 ม.6, 8 และ11 จากกรณีเดียวกันที่ไม่ชำระค่าโฆษณาส่วนเกินนั้น
ศาลอาญามีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 29 กุมภาพันธ์ 59 ให้จำคุกนางพิชชาภา อดีตเจ้าหน้าที่ อสมท. จำเลยที่ 1 รวม 6 กระทงๆ ละ 5 ปี จำคุกทั้งสิ้น 30 ปี, ปรับ บ.ไร่ส้มฯจำเลยที่ 2 รวม 6กระทงๆละ 20,000 บาท จึงปรับเป็นเงิน 120,000 บาท
ส่วนนายสรยุทธ อดีตผู้ดำเนินรายการข่าวชื่อดัง จำเลยที่ 3 และน.ส.มณฑา เจ้าหน้าที่บ.ไร่ส้มฯ จำเลยที่ 4 จำคุก 6 กระทงๆ ละ 3 ปี 4 เดือน รวมจำคุกทั้งสองคนละ 20 ปี
แต่ทางนำสืบเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณา เห็นควรลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุกนางพิชชาภา จำเลยที่ 1 เป็นเวลา 20 ปี ส่วนนายสรยุทธ์ และน.ส.มณฑาจำเลยที่ 3-4 จำคุกคนละ 13 ปี 4 เดือน และปรับ บ.ไร่ส้มจำเลยที่ 2 เป็นเงิน 80,000 บาท
โดยจำเลยทั้งหมดได้ประกันตัวระหว่างอุทธรณ์สู้คดีคนละ 2 ล้านบาท ซึ่งคดีอยู่ระหว่างการพิจารณาชั้นศาลอุทธรณ์