เมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 2 ส.ค. 60 หลังพบคู่รักที่ดูมีสีสันคู่หนึ่งใน จ.ชุมพร ผู้สื่อข่าวจึงได้เดินไปที่บ้านเลขที่ 10/1 บ้านเขาหน้าหัก หมู่ที่ 1 ต.สลุย อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร ซึ่งเป็นบ้านของ น.ส.อ้อย โพธิ์ทอง หรือ ตุ๊กตา อายุ 38 ปี ว่าที่เจ้าสาวที่พิการมาแต่กำเนิด ขาขวาขาดใต้หัวเข่าลงมา ส่วนขาซ้ายอ่อนแรง และแขนขวาขาดตั้งแต่เหนือข้อศอกขึ้นไป นอกจากนี้ ยังพบ นายพรภิรมย์ บัวสงค์ หรือ ต้น อายุ 23 ปี ว่าที่เจ้าบ่าว อยู่บ้านเลขที่ 25/2 หมู่ 1 ต.ไชยราช อ.บางสะพานน้อย จ.ประจวบคีรีขันธ์ ที่มาช่วยตรียมจัดงานแต่งงานที่จะมีขึ้นที่บ้านเจ้าสาวในวันรุ่งขึ้น (3 ส.ค.)
น.ส.อ้อย โพธิ์ทอง ว่าที่เจ้าสาวเปิดใจกับผู้สื่อข่าวว่า สำหรับครอบครัวของเธอ พ่อชื่อ นายพินิจ โพธิ์ทอง อายุ 60 ปี แม่ชื่อ นางสะอื่น พานทอง อายุ 59 ปี มีอาชีพทำสวนปาล์ม เธอเป็นลูกสาวคนโต มีน้องสาว และน้องชาย ต่างมีครอบครัวไปหมดแล้ว เธอพิการมาแต่กำเนิด เรียนจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่ศูนย์การศึกษานอกโรงเรียน อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร หลังจากนั้นก็ไปเรียนต่อด้านคอมพิวเตอร์ และการบัญชี ที่ศูนย์คนพิการ ที่ห้าแยกปากเกร็ด จ.นนทบุรี หลังเรียนจบมา อาจารย์ที่ศูนย์คนพิการปากเกร็ด ก็ฝากเข้าทำงานเป็นแคชเชียร์ ที่โรงแรมชมพูอินน์ อ.เมือง จ.นครปฐม ตั้งแต่ปี 56
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ารู้จักกับฝ่ายชายได้อย่างไร นายพรภิรมย์ ว่าที่เจ้าบ่าว ได้ขอตอบแทนว่า เพื่อนของ น.ส.อ้อย ให้เบอร์โทรศัพท์กับตนตั้งแต่ปี 52 ตนจึงโทรศัพท์คุยกันเรื่อยมา โดยที่ไม่รู้ว่า ว่าที่เจ้าสาวเป็นคนพิการแขนขาขาด โดยเริ่มแรกตนก็ส่งรูปถ่ายแบบเต็มตัวไปให้ฝ่ายหญิงดู และฝ่ายหญิงก็ส่งรูปครึ่งท่อนมาให้ตนดู ก็ไม่ได้คิดอะไร คุยโทรศัพท์กันมาเรื่อย จนกระทั่งนาน 3 ปี จึงได้ไปเจอกัน จึงรู้ว่าหญิงสาวที่ตนคุยอยู่เป็นหญิงพิการ จะเป็นด้วยบุพเพสันนิวาส หรือเนื้อคู่กันมาแต่ชาติก่อน จิตใจตนที่ได้เจอครั้งแรกกลับไม่คิดอะไรเลย กลับยิ่งรักและสงสารว่าที่เจ้าสาวมาโดยตลอด ตัวผมเองมีอาชีพรับจ้างกรีดยาง อยู่ที่ อ.บางสะพานน้อย จ.ประจวบคีรีขันธ์ พ่อแม่ก็เปิดร้านขายของชำอยู่ในหมู่บ้านที่ ต.ไชยราช ฐานะครอบครัวก็ปานกลาง ไม่ได้ร่ำรวยอะไร ส่วนครอบครัวฝ่าย น.ส.อ้อย ก็มีฐานะปานกลาง อาชีพทำสวนปาล์ม เราคบกันมา 8 ปีเต็ม จู่ๆ น.ส.อ้อย ก็บอกกับตนว่าถ้ารักกันจริงก็ให้พ่อแม่ไปสู่ขอ ตนจึงบอกว่าขอเก็บเงินก่อน ได้ 5 หมื่นวันไหนก็จะพาพ่อแม่ไปสู่ขอ และในที่สุดเมื่อเดือนเมษายน 60 ที่ผ่านมา ตนก็พาพ่อและแม่ไปเดินทางไปสู่ขอ น.ส.อ้อย ตามประเพณี โดยพ่อแม่ของ น.ส.อ้อย เรียกสินสอดทองหมั้น เป็นเงินสด 2 หมื่นบาท สร้อยคอทองคำ หนัก 2 บาท และกำหนดพิธีแต่งานกันในวันพฤหัสบดีที่ 3 ส.ค. 60 เวลา 10.00 น. ที่บ้านเจ้าสาว โดยพิธีแห่ขันหมากจะเริ่มเวลา 08.09 น. เสร็จพิธีก็จะเป็นงานเลี้ยง ซึ่งทั้งตนเองและว่าที่เจ้าสาวได้แจกการ์ดเชิญแขกไปแล้วจำนวน 620 ใบ จัดโต๊ะในงานเลี้ยงไว้ 130 โต๊ะ ส่วนของชำร่วยที่แจกในงานเป็นแก้วน้ำ
นายพรภิรมย์ กล่าวอีกว่า หลังเสร็จพิธีแต่งงานตนก็จะอยู่ที่บ้านเจ้าสาว 3 คืน หลังจากนั้นก็จะพาเจ้าสาวไปอยู่กับพ่อแม่ที่ อ.บางสะพานน้อย ช่วยพ่อแม่ที่ร้านขายของชำ โดยตนและเจ้าสาววาดอนาคตเอาไว้ว่า จะมีลูกทันทีเพียง 1 คน แต่สำหรับตนอยากได้ลูกผู้ชาย
ด้านนางสะอิ้ง แม่ว่าที่เจ้าสาว เปิดเผยว่า รู้สึกดีใจไม่คิดว่าจะมีวันนี้ เพราะลูกสาวพิการมาแต่กำเนิด แต่เห็นฝ่ายชายว่าที่ลูกเขยเป็นคนจริงจัง และรักลูกสาวจริง ก็สบายใจว่าเขาคงจะเลี้ยงดูลูกสาวได้ สำหรับการ์ดเชิญ ตนเองได้เชิญผู้ใหญ่บ้าน กำนัน สมาชิก อบต. นายก อบต. รวมทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สลุย ให้มาร่วมเป็นสักขีพยานในครั้งนี้ด้วย.