เดี๋ยวนี้แก๊ง 18 มงกุฎมีวิธีต้มตุ๋นประชาชนมากมายหลายรูปแบบ
ก่อนหน้านี้มีข่าวแก๊งหัวใสอ้างตัวเป็นบริษัทชั้นนำโทร.เข้ามือถือหนุ่มพนักงานรับ-ส่งเอกสารบริษัทแห่งหนึ่ง ทึกทักว่าเจ้าของโทรศัพท์เป็นผู้โชคดี ได้รับเงินรางวัลจากการมอบโชคเป็นจำนวนเงิน 7 หมื่นบาท โดยจะโอนเข้าบัญชีให้ แต่สุดท้ายหลอกให้ไปกดปุ่มต่างๆ ที่เครื่องเอทีเอ็ม หวังจะมั่วให้โอนเงินไปให้ ยังดีที่เหยื่อไหวตัวทัน
หนุ่มเมสเซนเจอร์จึงรอดพ้นแก๊งต้มตุ๋นไปได้
หลังจากกรณีของหนุ่มเมสเซนเจอร์ มาถึงคิวของคุณป้าวัย 63 กันบ้าง แต่รายนี้ไม่ได้โชคดีเหมือนรายแรกสูญเงินไปกว่า 6 ล้าน เพราะเชื่อในคำเชิญชวนของแก๊งอีเมล์ตุ๋นข้ามโลก ซึ่งส่งเมล์มาจากบูร์กินาฟาโซ ในแอฟริกา บอกถูกรางวัลใหญ่ 2 ครั้งซ้อน แล้วยังมีมาจากเบนินกับกวางโจว รวมเป็นเงินรางวัลกว่าพันล้าน แต่มีข้อแม้ว่าถ้าอยากได้เงินจะต้องส่งค่าธรรมเนียมไปให้ก่อนเช่นกัน คุณป้าหลงเชื่อจึงนำเงินเก็บและเอาบ้านไปฝากขายได้เงินมา 6 ล้าน ส่งไปให้เพื่อแลกกับเงินก้อนใหญ่
แต่สุดท้ายก็ไม่มีการโอนเงินมาให้แต่อย่างใด
เมื่อรู้ว่าถูกหลอกก็ไม่รู้จะไปตามเงิน 6 ล้านคืนจากที่ไหน!??
เหตุการณ์ครั้งนี้ถูกเปิดเผยวันที่ 28 ส.ค.
นางเอมอร พรหมมาโนช อายุ 63 ปี อยู่บ้านเลขที่ 38 ถ.ราชการดำเนิน ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ร้อยเอ็ด เดินทางมาจากอีสานเข้าร้องเรียน "ข่าวสด" ว่าถูกแก๊งต้มตุ๋นข้ามชาติหลอกลวงจนหมดเนื้อหมดตัว แม้แต่บ้านก็กำลังจะถูกยึด ขณะนี้ต้องอาศัยอยู่กับมารดาที่แก่ชราอายุ 94 ปี จึงอยากวิงวอนผู้ใจบุญเมตตาให้ความช่วยเหลือ
ไม่น่ามาโดนหลอกตอนบั้นปลายชีวิตแบบนี้
นางเอมอรย้อนเรื่องราวให้ฟังว่า เมื่อเดือนม.ค.49 ตนได้รับอีเมล์จากประเทศบูร์กินาฟาโซ ในทวีปแอฟริกา แจ้งว่า คุณคือผู้โชคดีที่ได้รับรางวัลจากกองทุนยาฮูเมล์ เป็นจำนวน 850,000 ยูโร ถัดมาอีกไม่นานก็ได้รับอีเมล์จากประเทศเดียวกันอีกครั้ง แต่ใช้ชื่อต่างกัน มีใจความทำนองเดียวกันว่า คุณโชคดีได้รับเงินกองทุน 7.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ช่วงเวลาเดียวกันก็มีอีเมล์มาอีกจากประเทศเบนิน ในทวีปแอฟริกาเช่นกัน ว่าได้รับเงินรางวัล 14.3 ล้านยูโร และอีเมล์สุดท้ายมาจากเมืองกวางโจว ประเทศจีน บอกว่าได้เงินกองทุน 30.2 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นเงินไทยรวมแล้วทั้งหมดประมาณพันล้านบาท
แกะรอยอีเมล์ตุ๋นข้ามโลก จากบูร์กินาฟาโซสู่ร้อยเอ็ด คุณป้าหมดเนื้อหมดตัว
ด้วยเงินรางวัลจำนวนมากที่ล่อตาล่อใจ
ป้าเอมอรจึงอยากได้เงินเพราะคิดว่าไม่มีอะไร!! นางเอมอรเล่าต่อด้วยน้ำเสียงเศร้า ว่า ตอนได้รับเมล์หนแรก ก็ไม่เชื่อและไม่ได้ใส่ใจอะไร เนื่องจากแม่กำลังป่วย อีกประมาณ 2 สัปดาห์ ก็ได้รับอีเมล์ส่งมาอีกว่ามีโอกาสดีอย่างนี้ทำไมไม่สนใจ ตนจึงลองติดต่อกลับไป จากนั้นก็มีอีเมล์ตอบกลับมาให้กรอกรายละเอียดข้อมูลส่วนตัว ไม่ว่าจะเป็นอาชีพ อายุ หมายเลขบัญชีเงินฝากในธนาคาร ตนจึงตอบกลับไป จากนั้นอีกไม่นานมีอีเมล์แจ้งให้เดินทางไปบูร์กินาฟาโซเพื่อรับเงินกองทุน ตนจึงแจ้งกลับไปว่าไม่มีเงินจ่ายค่าเครื่องบิน อีกทั้งยังมีแม่อายุมากจะทิ้งให้อยู่บ้านคนเดียวคงไม่ได้ ต่อมามีอีเมล์แจ้งว่าไม่ต้องเดินทางมาก็ได้ แต่ขอให้ส่งเงินค่าธรรมเนียมการจ่ายเงินรางวัลมาก่อน แล้วจะส่งเงินรางวัลมาให้ด้วยวิธีโอนทางบัญชีเงินฝาก
เมื่อคิดว่าวิธีการนี้สะดวกรวดเร็วที่สุดนางเอมอรจึงตอบตกลงไป
"ป้าหลงเชื่อและยอมรับว่าเป็นความโลภ บวกกับความโง่ของตัวเอง อีกทั้งไม่มีใครเป็นที่ปรึกษา วันๆ อยู่แต่กับแม่ จึงรวบรวมเงินเก็บของตัวเองที่มีอยู่ 600,000 บาท พร้อมกับนำบ้านไปขายฝากกับเศรษฐินีประจำจังหวัด เป็นเงิน 2,200,000 บาท กะว่าพอได้เงินรางวัลมาจะรีบไปไถ่ถอนคืน และยังไปกู้เงินนอกระบบอีกประมาณ 4,000,000 บาท เพื่อส่งเงินไปให้เป็นค่าธรรมเนียม รวมทั้งหมดประมาณ 6,200,000 บาท แต่หลังจากส่งเงินไปแล้วก็ไม่ได้รับการติดต่อใดๆ กลับมา จึงแน่ใจว่าตัวเองถูกหลอกแล้ว" นางเอมอรกล่าว
หลังจากแน่ใจว่าถูกหลอก
นางเอมอรจึงอีเมล์ไปอ้อนวอนขอเงินคืน แต่ไม่มีการตอบกลับ และมีบางอีเมล์เขียนตอบกลับมาสั้นๆ ว่า "ขอโทษนะ หวังว่าเรายังคงเป็นเพื่อนกัน"
คือประโยคสุดท้ายหลังสูญเงิน 6 ล้าน
สิ่งที่ทำให้นางเอมอรรู้สึกท้อแท้สิ้นหวัง คือ การเข้าขอความช่วยเหลือจากสถานกงสุลบูร์กินาฟาโซ แต่ก็ได้รับการชี้แจงว่าเป็นเรื่องส่วนตัว ไม่สามารถทำอะไรได้ เมื่อไปติดต่อสถานทูตจีนก็ไม่ได้รับความช่วยเหลือใดๆ จึงไปกระทรวงการต่างประเทศ ทางกระทรวงประสานไปยังเมืองกวางโจว ประเทศจีน บอกว่าบุคคลที่ตนโอนเงินไปให้ไม่มีชื่อจริง พร้อมกับตั้งข้อสังเกตว่าอาจป็นชาวต่างชาติที่มาเปิดบัญชีไว้ และเมื่อได้เงินที่โอนมาแล้วก็ปิดบัญชีหนีไป
ป้าเอมอรทำได้เพียงแจ้งความไว้ที่สภ.อ.เมืองร้อยเอ็ดไว้เป็นหลักฐาน
ความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ในครั้งนี้ทำให้นางเอมอรถึงทางตัน บ้านก็กลับไปอยู่ไม่ได้ เพราะเจ้าของเงินที่รับจำนองไว้ไม่ให้อยู่ แต่เมื่อมีผู้หลักผู้ใหญ่ไปเจรจาให้ เจ้าของเงินกู้เลยเปิดโอกาสให้ซื้อคืนในราคาเดิม แต่ต้องจ่ายดอกเบี้ยประมาณ 1 แสน เมื่อพึ่งใครไม่ได้จึงเข้าขอความช่วยเหลือผ่านสื่อมวลชนให้ช่วยเป็นสื่อกลางในการให้ชีวิตใหม่
ใครมีวิธีแก้ไขหรือข้อเสนอแนะก็สามารถให้คำแนะนำได้
แต่ถ้าจะช่วยสงเคราะห์เรื่องเงิน สามารถโอนเข้าบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ ธนาคารกรุงไทย สาขาร้อยเอ็ด ถ.เพลินจิต ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ร้อยเอ็ด หมายเลขบัญชี 411-133-952-2 เพื่อช่วยไถ่ถอนบ้านคุณป้าผู้โชคร้าย
ป้าเอมอรบอกเข็ดจนตายไม่เอาอีกแล้ว!?!
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับนางเอมอรทำให้หลายฝ่ายเห็นใจ และอยากยื่นมือช่วยเหลือ ถึงแม้จะดูเป็นเรื่องยากแต่ก็ต้องพยายามหาทางแก้ไข
ที่สำคัญต้องช่วยกันเตือนภัยอย่าให้มีเหยื่อรายต่อไป
หลังเรื่องนี้เป็นข่าวดังออกไปนายนิโรธ เจริญประกอบ รองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ออกมาตั้งข้อสังเกตว่า ต้องตรวจสอบก่อนว่ามีบริษัทหรือเครือข่ายดังกล่าวในประเทศหรือไม่ ถ้าไม่มีก็เป็นเรื่องยากที่จะเอาผิดบุคคลนั้นได้ เพราะเราไปติดต่อผ่านทางเขาเอง เราไม่มีอำนาจไปจับกุมเขาข้ามประเทศ เพราะอาจทำให้ประเทศของเขาเสียชื่อเสียงอีกด้วย แต่ถ้าจะร้องเรียนต้องดูข้อกฎหมายหลายฉบับ และกฎหมายระหว่างประเทศว่าประเทศนั้นๆ มีสัมพันธ์ที่ดีกับประเทศเราหรือไม่
"เรื่องนี้ซับซ้อนมากอาจเกี่ยวข้องกับหน่วยงานราชการหลายแห่ง
เช่น กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) กระทรวงการต่างประเทศ เจ้าหน้าที่ตำรวจและอาจรวมถึงสถานทูต สถานกงสุล แต่จากข่าวที่ออกมาเจ้าหน้าที่กงสุลและสถานทูตแจ้งว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องส่วนตัว ไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะว่าบุคคลที่นางเอมอรโอนเงินไปให้ไม่มีชื่อจริง อาจเป็นชาวต่างชาติที่มาเปิดบัญชีไว้ และเมื่อได้เงินที่โอนมาแล้วก็ปิดบัญชีหนีไป ซึ่งเรื่องราวลักษณะนี้ทางสคบ.ยังไม่เคยได้รับการร้องเรียนมาก่อน ทั้งนี้ขอแนะนำให้นางเอมอร เข้ามาพบทางสคบ.เพราะมีหน่วยงานรับเรื่องราวร้องทุกข์อยู่ เพื่อจะหาทางแก้ไขกันต่อไป"
ด้านพล.ต.ต.พิสัณห์ จุลดิลก ผบก.ศูนย์ตรวจสอบและวิเคราะห์การกระทำผิดทางเทคโนโลยี กล่าวถึงกรณีเดียวกัน ว่า
กำลังตรวจสอบอีเมล์แอดเดรสว่าส่งมาจากไหน ประเทศอะไร อาจจะต้องข้อความร่วมมือจากต่างประเทศ ที่ผ่านมา พบการกระทำผิดลักษณะนี้ประมาณ 3-4 ราย ปัจจุบันเมืองไทยเรายังไม่มีกฎหมายครอบคลุมเรื่องอินเตอร์เน็ตโดยตรง ส่วนกฎหมายอินเตอร์เน็ตของเมืองไทยนั้น ยังอยู่ระหว่างการร่างตัวบทกฎหมาย ว่าควรจะให้ผู้มาใช้บริการลงทะเบียน เพราะถ้ามีการกระทำผิดเกิดขึ้นจะได้ตามหาตัวได้
ทางที่ดีอย่าหลงเชื่อบุคคลที่แอบอ้างและพวกไม่มีที่มาที่ไป เพราะพลาดนิดเดียวอาจหมดตัวได้!?!