สิ้นเกจิดัง"หลวงพ่อรวย"วัดตะโก แห่งเมืองอยุธยา เผยเป็นเกจิดังด้านเมตตามหาคุณ และยังเป็นพระนักพัฒนา -นักปฏิบัติ จนเป็นที่เลื่อมใสศรัทธาของพุทธศาสนิกชน พฤหัสบดีที่ 20 กรกฎาคม 2560 เวลา 06.37 น.
ลูกศิษย์เศร้า!! สิ้นเกจิดัง “หลวงพ่อรวย” แห่งเมืองกรุงเก่า
เมื่อวันที่ 20 ก.ค.ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลวงพ่อรวย ปาสาทิโก หรือในสมณศักดิ์พระราชทินนามที่ พระมงคลสิทธาจารย์ เจ้าอาวาสวัดตะโก ต.ดอนหญ้านาง อ.ภาชี จ.พระนครศรีอยุธยา ได้มรณภาพอย่างสงบที่โรงพยาบาลวิชัยยุทธ อายุรวม 95 ปี 7 เดือน 10 วัน ข่าวการสูญเสียดังกล่าวทำให้ลูกศิษย์เศร้าเสียใจในการจากไปของหลวงพ่อรวยที่เคารพศรัทธาเป็นอย่างมาก
สำหรับประวัติหลวงพ่อรวยเป็นหนึ่งในบรรดาเกจิพระอาจารย์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังแห่งเมืองกรุงเก่าที่มีความขลังเป็นอมตะ หลวงพ่อรวยมีความเป็นอยู่สมถะ เรียบง่าย พูดน้อย ถามคำตอบคำ เป็นที่เคารพนับถือของศิษยานุศิษย์ทั่วประเทศ เก่งทางด้านเมตตามหานิยม
หลวงพ่อรวยมีชื่อเดิม "รวย"นามสกุล "ศรฤทธิ์" หลวงพ่อเกิดวันศุกร์ เดือนอ้าย ปีระกา ตรงกับเดือนธันวาคม พ.ศ. 2464 ที่บ้านตะโก หมู่ 2 ต.ดอนหญ้านาง อ.ภาชี จ.พระนครศรีอยุธยา บิดาชื่อ มี มารดาชื่อ สินลา มีพี่น้อง 8 คน 1.นายมณี 2 .นางผา 3 .นางจำปี 4 .นางเที้ยม 5 .นายสวย 6 . พระมงคลสิทธาจารย์ (หลวงพ่อรวย ปาสาทิโก) 7 .นางสำราญ 8 .นางสังเวียน หลวงพ่อรวยตอนเด็ก ช่วยบิดามารดาประกอบอาชีพเกษตรกรรม ทำนา เลี้ยงสัตว์ พออายุ 12 ปี ได้เข้าเรียนหนังสือที่ วัดตะโก ในช่วงนั้นละแวก ต.ดอนหญ้านาง ยังไม่มีโรงเรียนประถมศึกษาของทางราชการ ต้องอาศัยพระภิกษุเป็นครูสอนบนศาลาการเปรียญ มีความรู้การอ่านการเขียนเทียบเท่าชั้นประถม 4 พออายุ 16 ปี จึงบรรพชาเป็นสามเณร พระสมุห์บุญช่วย เจ้าอาวาสวัดตะโก เป็นพระอุปัชฌาย์ ได้ศึกษาพระธรรมวินัย ขณะที่เป็นสามเณร สามารถสอบธรรมชั้นตรี ได้เมื่อ พ.ศ. 2484
กระทั่งเมื่อครบ 20 ปีบริบูรณ์ จึงอุปสมบท ณ พัทธสีมา วัดตะโก เมื่อวันที่ 12 เมษายน 2484 ตรงกับวันเสาร์ แรม 1 ค่ำ เดือน 5 ปีมะเส็ง โดยพระเดชพระคุณพระครูสุนทรธรรมนิวิฐ (หลวงพ่อชื้น) เจ้าอาวาสวัดภาชี และเจ้าคณะอำเภอภาชี เป็นพระอุปัชฌาย์ พระปลัดจ้อย เจ้าอาวาสวัดวิมลสุนทร เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระสมุห์บุญช่วย เจ้าอาวาสวัดตะโก เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับนามฉายา ทางพระพุทธศาสนา "ปาสาทิโก" หลวงพ่อจำพรรษาที่วัดตะโก มาจนถึงปัจจุบัน หลวงพ่อสอบนักธรรมโท ได้ในปี พ.ศ. 2485 และสอบนักธรรมเอก ได้ในปี พ.ศ.2487 หลังจากได้สำเร็จพระปริยัติระดับนักธรรมเอก แล้ว จึงเข้าไปฝากตัวเป็นศิษย์เรียนวิชากรรมฐานกับ หลวงพ่อชื้น ซึ่งเป็นพระอุปัชฌาย์ในเบื้องต้น หลังจากเรียนวิชากรรมฐานจน จิตเป็นสมาธิได้ฌานกสิณแก่กล้าแล้ว จึงเรียนเวทมนต์คาถาต่อไป นัยว่าหลวงพ่อชื้นได้เมตตาประสิทธิ์วิทยาคุณต่างๆ ให้จนหมดสิ้น จากนั้นหลวงพ่อยังไปฝากตัวเป็นศิษย์เรียนพุทธาคมกับหลวงพ่อแช่ม วัดวังแดงเหนือ อาศัยที่หลวงพ่อรวมมีฌานแก่กล้าในการเจริญภาวนาพระกรรมฐานมีสมาธิจิตรวดเร็วจึงทำให้ท่านมีความขลังในพระเวทวิทยาคมอย่างมาก