คดี'กราบรถกู' เดินทางมาถึงการตัดสินของศาล เมื่อพิพากษา น็อต อัครณัฐ อริยฤทธิ์วิกุล ดารานักแสดง กับนายวิทวัส ศรีบัณฑิตมงคล จำเลยร่วมในความผิดฐานทำร้ายร่างกาย นายกิตติศักดิ์ สิงห์โต หรือ บอย พนักงานคัดกรองเอกสาร สำนักงานสรรพากรตลิ่งชัน เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2559 จำคุก 2 ปี จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพ จึงลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงเหลือจำคุก 1 ปี ประกอบกับจำเลยไม่เคยต้องโทษมาก่อน จึงให้รอลงอาญาเป็นเวลา 2 ปี และให้การทำงานบริการสังคม 24 ชั่วโมง คุมประพฤติ 1 ปี พร้อมรายงานตัวทุก 3 เดือน เป็นเวลา 4 ครั้ง
แต่ยังมีปมที่ยังไม่จบ คือเรื่องน็อตแจ้งความบอย ในคดีชนแล้วหนี ซึ่งในการเจรจาก่อนหน้านี้ ได้มีการปรับความเข้าใจจนทุกอย่างไปได้ด้วยดี แต่เมื่อวันพุธที่ผ่านมา ฝ่ายผู้เสียหายเพิ่งรู้ว่า น็อตยังไม่ดำเนินการถอนแจ้งความ! เพราะมีเอกสารเรียกเก็บค่าเสียหายจากฝั่งน็อตส่งมาถึงบ้าน
รายการต่างคนต่างคิด ออกอากาศเวลา 18.50 น. ได้เชิญ นางสุธิรา หงษ์ทอง แม่ของบอย มาพูดคุยถึงประเด็นนี้ว่าเกิดอะไรขึ้น นางสุธิรา เล่าว่า ที่ผ่านมาได้มีการพูดคุยเจรจาไกล่เกลี่ยกับทางน็อต และได้ยืนยันที่จะไม่เอาความกับบอยอีก เรื่องค่าเสียหายจาก200,000 บาทก็มีการลดลงเหลือ 180,000 บาท ก็เชื่อในคำพูดมาตลอด ตัวบอยเองก็ไม่ติดใจเอาความอะไรแล้ว การตัดสินวันนี้ (30 มิ.ย.60) ก็ไม่ได้ไปเพราะไม่ต้องการเห็นความเศร้าของน็อต แต่พอเห็นเอกสารเรื่องเก็บเงินค่าเสียหายในคดีชนแล้วหนีจากบริษัทประกันภัย มียอดเงิน 20,000 กว่าบาท
" ในวันไกล่เกลี่ยทุกอย่างก็ราบรื่น แม่น็อตก็เป็นคนยืนยันด้วยว่าจะไม่เอาผิด เอาเรื่องกับบอย เราก็ตายใจ บอยก็เซ็นเอกสารยินยอมเรื่องค่าเสียหาย แต่ฟังน็อตไม่มีอะไรมาเป็นหลักฐาน เพียงแต่สัญญาปากเปล่า เราก็เชื่อใจ เพราะเราเป็นชาวบ้าน คิดไม่ถึงว่าเขาจะมาตลบหลังแบบนี้ " แม่ผู้เสียหายระบุ
เมื่อเอกสารมาอย่างนี้ คุณแม่ ยืนยันว่า ไหนบอกจบ อยากรู้มากว่าเอกสารที่ส่งมาคืออะไร ถ้าจะฟ้อง ก็สามารถฟ้องได้เลย เพราะเราต้องการรู้ความจริงว่ามันคืออะไรกันแน่
นายสงกรานต์ อัจฉริยะทรัพย์ ประธานเครือข่ายต่อต้านการบ่อนทำลาย ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ในฐานะทนายความฝั่งบอย กล่าวว่า ก็สงสัยว่าทำไมวันนี้ทางทนายความบอยยื่นเอกสารต่างๆทำไม ทั้งๆที่เป็นวันตัดสิน ซึ่งศาลก็ถามเหมือนกัน เพราะสารภาพแล้ว ซึ่งเป็นเอกสารทั้งมีการให้สัมภาษณ์ต่างๆทั้งของแม่บอย และของตนเอง รวมทั้งข้อหา เหมือนจำเลยไม่มีความมั่นใจหรือความเหมาะสม
ส่วนเอกสารที่ส่งมา ทนายสงกรานต์ แจงว่า เป็นเพียงการฟ้องร้องขอบริษัทประกันตามที่ได้ซ่อมรถของน็อตไป แต่ที่ต้องตอบคำถามสังคมให้ได้คือ เรื่องการส่งเอกสารครั้งหลังให้ศาลมีจุดประสงค์อะไร
"เรื่องน็อตแจ้งความเป็นคนละส่วน การร้องนี้เป็นของบริษัทประกัน เขาก็จะเรียกเก็บกับคู่กรณี แต่เราก็สามารถสู้ได้ในข้อเท็จจริงว่า ค่าซ่อมเท่าไหร่ อะไหล่เท่าไหร่ มีหนทางสู้ได้อย่างแน่นอน ไม่ต้องกังวล" ทนายดังกล่าว