วงการตำรวจ กับอดีตเจ้าพ่อธุรกิจอ่างอาบน้ำ "ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์" เหมือนจะเป็นไม้เบื่อไม้เมากันมาตั้งแต่เมื่อครั้งปี 2545-2546 หลังเจ้าตัวออกมาแฉเส้นทางจ่ายส่วยให้ตำรวจท้องที่ สน.ห้วยขวาง รวมทั้งจ่ายเงินค่าปิดปากให้ตำรวจนอกหน่วยในยุคนั้นสมัยนั้น เรียกว่า "สะเทือน สะท้าน วงการสีกากี" เล่นเอาท้องที่ทำเงินอย่าง สน.ห้วยขวาง ลุกเป็นไฟ และถึงแม้ผู้กำกับโรงพักถึงขั้นกระเด็นออกจากเก้าอี้ไปแล้ว เจ้าพ่ออ่าง ยังเติมเชื้อไฟด้วยข้อมูล "บาดเล็ก เจ็บลึก" ใช้ไม้เขี่ยถ่านทำไฟคุขยายวงกว้าง สร้างตำนาน "ชูวิทย์ จอมแฉ" จวบจนวันนั้นมากระทั่งวันนี้
กว่า 15 ปี ที่ชื่อของ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ เป็นกระแสอยู่หน้าสื่อทุกแขนงของแวดวงข่าว เปลี่ยนบทบาททางสังคมไปตามกาลเวลา จนกระทั่งเมื่อห้วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ต้องเชิดหน้ารับกรรม หลังศาลอาญากรุงเทพใต้มีนัดอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาคดีนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ กับพวกรื้อบาร์เบียร์ย่านสุขุมวิท เหตุเกิดช่วงตีสี่เมื่อ 26 มกราคม 2546 มีกลุ่มชายฉกรรจ์ราว 400 คน บุกไปบริเวณบาร์เบียร์แออัดปากซอยสุขุมวิท 10 ศาลชั้นต้น ยกฟ้องผู้ต้องหาเกือบหมด แต่ศาลอุทธรณ์ตัดสินให้นายชูวิทย์ กับพวกรวม 66 คน มีความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ และใช้กำลังประทุษร้าย จำคุกคนละ 5 ปีโดยไม่รอลงอาญา ต่อมา ศาลฎีกาพิพากษาจำคุกจำเลยที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษ 66 คน คนละ 2 ปีถึงวันนี้ ปี 2560 กับบทบาทใหม่ พิธีกรรายการ "ชูวิทย์ ตีแสกหน้า" กับสื่อยักษ์ใหญ่ ไทยรัฐทีวี ช่อง 32 เรตติ้งพุ่งทะยาน ด้วยบุคลิก ท่าทางจัดรายการที่ตรงไปตรงมา รวมทั้งมีเนื้อหาสาระครบรส ถึงกระนั้นก็ตามที "ชูวิทย์" ยังไม่ทิ้งลีลาการแฉ บุคคลในกระแสข่าวแวดวงสีกากี และถึงแม้จะไม่มีข้อมูล "ตัวถึงตัว" เหมือนเมื่อ 10 กว่าปีที่ผ่านมา แต่ลีลาการแฉส่งผลให้บุคคลในข้อมูลเก้าอี้ร้อนหวิดก้นไหม้ไปตามๆ กัน "ไทยรัฐออนไลน์" เปิดคำถามยิงตรงประเด็นแวดวงสีกากี ทัศนคติกับตำรวจในห้วง 10 กว่าปีที่ผ่านมา ในฐานะ "ผู้คลุกวงใน"
ภาพลักษณ์ตำรวจ เมื่อครั้งเป็นเสี่ยอ่างย่านห้วยขวาง จวบจนวันนี้ ในสายตา "ชูวิทย์"
ไม่มีอะไรแตกต่างเลย แต่ถามว่าเหมือนกันมั้ย ไม่เหมือนซะทีเดียว แต่คล้ายคลึงกันมาก และหายากเหมือนเดิมสำหรับคนที่รักตำรวจ เพราะตำรวจเป็นอาชีพที่ใกล้ชิดกับประชาชนมากสุด ทำงานประสานโดยตรงกับประชาชน ไม่มีประเทศไหนในโลกหรอกที่เค้ารักตำรวจ ส่วนใหญ่ก็เกลียดกันทั้งนั้น ประเทศสหรัฐอเมริกา ยังเกลียดตำรวจของประเทศตัวเองเลย ประเทศไหนบ้างที่เค้ารักตำรวจ? ข้างนึงถือปืน ข้างนึงถือกฎหมาย มันก็ต้องมีคนหมั่นไส้
"ทหารดูแลประเทศภาพรวม ส่วนตำรวจดูแลสังคม ความวุ่นวายของสังคม ทุกวันนี้มีมาก เพราะฉะนั้นอย่าไปหมั่นไส้ตำรวจเลยครับ เพราะยังไงตำรวจก็ต้องอยู่กับเรา ฉะนั้นแวดวงตำรวจในสายตาผม ไม่แตกต่างจากวันนั้นจนวันนี้ครับ"วิ่งตำแหน่ง แบ่งพรรคพวกในแวดวงตำรวจ จะมีทิศทางหรือบทสรุปของการแก้ไขอย่างไร?
" ไม่ต้องแก้ อย่าไปแก้!! เชื่อผม อย่าไปแก้เลย ผมไม่ได้ประชด" ปล่อยให้มันเป็นไปแบบนี้แหละ ให้มันเป็นแบบไทยๆ แก้แล้วคิดว่ามันจะแก้ได้มั้ย แล้วที่เคยๆ แก้สำเร็จมั้ย ถ้าไม่สำเร็จคุณจะไปแก้ในสิ่งที่ไม่เคยแก้ได้เพื่ออะไร คุณเอาเวลาไปทำอย่างอื่นดีกว่า ทำในเรื่องของสิ่งที่มันเปลี่ยนแปลงได้ และพัฒนาประเทศชาติไปในทางที่ดีดีกว่า เอาเวลาไปจัดเวรตรวจพื้นที่ ขับรถมีสปอตไลต์ส่องดูแลความปลอดภัยประชาชนเหมือนในต่างประเทศดีกว่า
"ไม่ต้องปฏิรูป จะปฏิรูปทำไม ปฏิรูปเพื่อใคร เสียเวลา ปัญหาแก้ไม่ได้ ยิ่งทำยิ่งถอยลงคลอง ไม่มีประโยชน์อะไรกับประเทศชาติเลย เอาเวลาไปทำอย่างอื่นเถอะครับ อย่ามามัวงมงายกับการปฏิรูปตำรวจเลย เพราะมันเป็นเรื่องงมงายจริงๆ"