จากคดีเจ๊แหม่ม ชาไข่มุก แจ้งความ ก่อนมีการโพสต์ในเฟชบุ๊ก ระบุ ถูกสองแม่ลูกแม่ค้าก๋วยเตี๋ยวรุมกระทืบ ตีด้วยเก้าอี้ ราดด้วยน้ำร้อนจนบาดเจ็บสาหัส เหตุเกิดที่หน้าสนามกีฬาจังหวัดนครศรีธรรมราช เมื่อวันที่ 13 มิ.ย.ที่ผ่านมา ขณะที่ฝ่ายคู่กรณีออกมายืนยันว่า ไม่ได้ราดน้ำร้อน แต่โยนหม้อใส่เพื่อป้องกันตัว เพราะเจ๊แหม่มถือมีดจะมาแทง และยินดีไปพบตำรวจ ไม่ไ้ด้หลบหนี
ล่าสุด วันที่ 26 มิ.ย.นางรัตนา บุญทา อายุ 43 ปี หรือ "เจ๊แหม่ม ชาไข่มุก" ผู้เสียหาย เปิดเผยว่า วันเกิดเหตุช่วงโรงเรียนใกล้เลิก ตนและเพื่อนรวม 4 คน กำลังนั่งคุยกันถึงเรื่องการค้าขาย โดยเพื่อนๆ แม่ค้า ซึ่งเพิ่งเริ่มค้าขายหาบเร่ แผงลอย ถามตนว่าที่หน้าสนามกีฬากลางจังหวัดนครศรีธรรมราช เขาจัดแบ่งพื้นที่ขายกันอย่างไร ตนตอบว่าทางเจ้าหน้าที่ เขาประกาศให้ทราบว่าใครมาก่อนก็เลือกที่วางขายได้ก่อน เขาไม่ได้จัดสรรพื้นที่ ตนพูดแค่นั้น แต่ทำให้ น.ส.ก้อย และนางอู๊ด สองแม่ลูก ที่ขายก๋วยเตี๋ยวอยู่ใกล้ๆ กับร้านของตนแสดงความไม่พอใจกล่าวหาว่าตนไปพูดจาแขวะเขา สองแม่ลูกจึงตรงเข้าต่อว่า รุมชี้หน้าด่าและพยายามจะเข้ามารุมทำร้าย ตนจึงคว้าไม้มาถือเพื่อป้องกันตัว แต่ตนยังไม่ได้ทำร้าย สองแม่ลูกตรงเข้ามาจิกผม ตบตีตน นางอู๊ด ได้ใช้เก้าอี้พลาสติกฟาดตนอย่างไม่ยั้ง ส่วนน.ส.ก้อย ใช้เหล็กแป๊บตีศีรษะตนจนล้มลุกคลุกคลาน จากนั้น น.ส.ก้อย ใช้เท้าเหยียบคอตนไว้ ขณะเกิดเหตุเพื่อนๆ แม่ค้า ยกมือไหว้ขอร้องไม่หยุดทำร้ายตน โดยบอกว่าสงสารพี่แหม่มพอแล้วอย่าทำอะไรแกอีกเลย แต่สองแม่ลูก ไม่หยุดวิ่งไปคว้าหม้อน้ำร้อนมาเทราดบนตัวตน ตนหนีไม่ได้เพราะถูก น.ส.ก้อย เหยียบคอกดไว้ ได้แต่ดิ้นทุรนทุรายด้วยความปวดแสบปวดร้อน นอกจากนี้สองแม่ลูกยังประกาศอีกว่าจะเอาให้ตาย หากมันยังไม่ตายก็จะตามฆ่าให้ตายให้ได้ ต่อมาชาวบ้านจึงแจ้งเหตุให้หน่วยกู้ภัย รับตนส่งโรงพยาบาลมหาราชนครศรีธรรมราช
นางรัตนา กล่าวอีกว่า หลังเกิดเหตุพนักงานสอบสวน มาเยี่ยมตนที่โรงพยาบาล แต่ไม่ได้สอบปากคำใดๆ พร้อมกับบอกว่าหากรักษาตัวจนหายเป็นปกติแล้ว ให้ตนไปพบที่โรงพัก เพราะเรื่องนี้ น.ส.ก้อย และ นางอู๊ด สองแม่ลูกแม่ค้าก๋วยเตี๋ยว ไปแจ้งความไว้แล้วในข้อหาทะเลาะวิวาท แต่ตำรวจไม่ได้มาสอบปากคำอะไร แม้ตนบาดเจ็บถูกพันด้วยผ้าก๊อตทั้งตัว แต่ตนมีสติ ยังให้การได้ เวลาผ่านมาหลายวันตนโทรไปสอบถามพนักงานสอบสวน และบอกว่าคดีนี้หากตำรวจยังไม่ดำเนินการอะไรให้ตนจะฟ้องสื่อมวลชนและหน่วยเหนือต่อไป ทางพนักงานสอบสวนมีอาการไม่พอใจและท้าทายว่าจะไปร้องที่ไหนก็เชิญตามสบาย ซึ่งตนถูกกระทำอย่างโหดร้ายทารุณ โหดเหี้ยมผิดมนุษย์ถึงขนาดนี้ แต่ตำรวจไม่ได้ทุกข์ร้อนอะไรเลย ตนกลัวว่าคดีนี้จะไม่ได้รับความเป็นธรรม ที่สำคัญคนร้ายสองแม่ลูกยังออกไปขายก๋วยเตี๋ยวที่เดิม เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น จึงให้ลูกสาวที่เดินทางมาจากต่างจังหวัดผลัดเปลี่ยนเฝ้าตนอย่างใกล้ชิด เพราะคนร้ายสองแม่ลูกประกาศจะตามฆ่าให้ตาย และอยากจะกราบวิงวอนผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองโปรดยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือตนด้วย
"หลังเกิดเหตุขณะรักษาตัวที่โรงพยาบาล สองแม่ลูกแม่ค้าที่ทำร้าย ได้ให้ญาติติดต่อ เพื่อขอชดใช้ความเสียหายที่เกิดขึ้นเป็นเงิน 5,000 บาท แต่ได้ปฏิเสธไป และยืนยันว่าจะดำเนินคดีสองแม่ลูกให้ถึงที่สุด ส่วนการรักษา แพทย์แจ้งว่าอาจต้องนอนพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลไม่ต่ำกว่า 1 เดือน" นางรัตนากล่าว
ทางด้าน ร.ต.อ.อภินันท์ พลศร รอง สว.สอบสวน สภ.เมืองนครศรีธรรมราช เจ้าของคดี กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เจ้าหน้าที่ตำรวจ ไม่ได้นิ่งนอนใจแต่อย่างใด ได้ลงตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมสอบพยานที่เกิดเหตุแล้ว ส่วนนางรัตนา บุญทา ผู้บาดเจ็บ ตนได้เดินทางไปเยี่ยมเพื่อจะสอบปากคำผู้บาดเจ็บที่โรงพยาบาล แต่ทางแพทย์ให้ผู้บาดเจ็บนอนพักรักษาตัวห้องปลอดเชื้อ ซึ่งหากจะสอบสวนผู้บาดเจ็บภายในห้องปลอดเชื้อ อาจไม่เหมาะต่อการทำงานของแพทย์และพยาบาล รวมทั้งคนป่วยคนอื่นที่พักรักษาตัวที่ห้องปลอดเชื้อ ตนจึงแจ้งญาติผู้บาดเจ็บว่าหากผู้บาดเจ็บอาการดีขึ้นค่อยสอบปากคำ และตนแจ้งคู่กรณีทั้งสองฝ่ายแล้วให้มาที่โรงพัก เบื้องต้นจะแจ้งข้อกล่าวหาทั้งสองฝ่ายในข้อหาทะเลาะวิวาททำร้ายร่างกาย แต่ถ้าหากฝ่ายผู้บาดเจ็บ จะแจ้งข้อหาคู่กรณีเพิ่ม ตำรวจก็จะรวบรวมหลักฐานดำเนินการตามขั้นตอน แต่ยืนยันว่าตำรวจให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย และไม่ได้นิ่งนอนใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่ได้เข้าข้างฝ่ายไหน