นักวิชาการเผย เป็นเรื่องปกติที่สังคมจะสนใจคลิป "เพลงที่มันมีงูออกมา" ชี้ เหตุที่คนแชร์เยอะเพราะเด็กในคลิปหน้าตาดี จิตแพทย์แนะนำควบคุมการใช้เทคโนโลยีเด็ก กังวลเด็กเข้าใจผิดเลียนแบบตาม
กลายเป็นอีกหนึ่งประเด็นที่สร้างเสียงวิพากษ์วิจารณ์บนโลกสังคมออนไลน์เป็นจำนวนมาก หลังมีการเผยแพร่คลิปสาวหมวยเดินเข้ามาขอเพลงกับดีเจในสถานบันเทิงแห่งหนึ่ง แต่จำชื่อเพลงไม่ได้ จึงบอกเป็นคำใบ้ให้ดีเจฟัง ใจความว่า "เพลงที่มันมีงูออกมา" กลายเป็นวลีเด็ด ทำให้เป็นที่ฮือฮาในโลกโซเชียลอย่างรวดเร็วเพียงชั่วข้ามคืน
วันนี้ (22 มิ.ย.60) ดร.มานะ ตรีรยาภิวัฒน์ คณบดีคณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยถึงกระแสที่เกิดขึ้น ว่า สาเหตุที่มีประชาชนสนใจคลิปนี้ ถือเป็นเรื่องธรรมดาที่สังคมจะสนใจ เนื่องจากดูเป็นเรื่องแปลก เพราะมีลักษณะที่กล่าวถึงทำนองเพลงว่ามีงูออกมา และเกิดการสอบถามดีเจว่าทราบหรือไม่ว่าเป็นเพลงอะไร ส่งผลให้คอนเทนต์นี้น่าสนใจอยู่แล้ว ประกอบกับบุคคลในคลิปมีหน้าตารูปร่างดี ยิ่งทำให้เกิดการกระจายไวรัลเยอะขึ้น และง่ายต่อการนำไปตัดต่อ ที่มีลูกเล่นอื่น ๆ ตามมามากมาย
ทั้งนี้ ลักษณะดังกล่าว ขึ้นอยู่กับว่าเป็นการถ่ายเล่นหรือเป็นส่วนหนึ่งของการนำมาโฆษณาร้าน หรือโฆษณาบุคคลดังกล่าว โดยส่วนตัวเป็นห่วงว่า พ่อและแม่ของบุคคลนั้นในคลิปจะว่าอย่างไร ที่มีการถ่ายคลิปออกมา ทราบหรือไม่ว่ามีอาการมึนเมาอยู่ หรือหากไม่รู้ตัวว่าโดนถ่ายคลิปแล้วถูกปล่อยออกมา จะว่าถือเป็นสิ่งที่ไม่ควร เพราะว่าอาจจะตกเป็นเหยื่อได้
"สิ่งที่น่าเป็นห่วงกับบุคคลคนอื่นที่มาดูคลิปนี้ อยากจะเตือนให้ระวังการเผยแพร่คลิปบุคคลอื่นในสถานที่ต่าง ๆ เนื่องจากหากเกิดการเผยแพร่ อาจจะก่อให้เกิดปัญหาให้กับตัวเองและผู้อื่นได้ แต่หากเป็นคลิปถูกทำขึ้นเพื่อการตลาด ก็ต้องป้องกันไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของการตลาดนั้น เพราะการโปรโมทโฆษณาอันตรายสุ่มเสี่ยงต่อเยาวชนหรือไม่"
น.พ.ศิริไชย หงษ์สงวนศรี จิตเวชศาสตร์เด็กและวัยรุ่น คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี กล่าวว่า ส่วนหนึ่งที่คนสนใจเยอะ เพราะเป็นเรื่องค่านิยมในสังคมไทย ซึ่งจะสอนให้มีการแสดงออกตามความเหมาะสม ที่อาจจะถูกปิดกั้นในระดับหนึ่ง ทำให้เรื่องอะไรที่ถูกห้ามมาก เมื่อคนก็จะยิ่งอยากรู้อยากเห็นมากขึ้น ส่วนกรณีที่สื่อนำคลิปเด็กมานำเสนอข่าว ถ้าจะส่งเสริมเด็กและเยาวชนไปไหนทางที่ดี ก็ควรจะเผยแพร่สิ่งต่าง ๆ ในด้านบวก มากกว่าด้านลบ
อย่างไรก็ตาม คลิปนี้ผลกระทบคือ หากเข้าชมเป็นจำนวนบ่อยครั้ง ก็อาจจะทำให้คนคิดว่าเป็นเรื่องธรรมดา เป็นที่ยอมรับได้ เพราะว่ามีคนเริ่มทำ ส่วนในแง่ผลกระทบต่อเด็กและวัยรุ่น ที่ประสบการณ์อาจจะยังน้อยและการตัดสินใจในสิ่งต่าง ๆ ที่ยังไม่ค่อยจะดีนัก ซึ่งอาจจะดูแล้วเข้าใจว่า คลิปแบบนี้มีคนให้ความสนใจจำนวนมากเพียงช่วงเวลาสั้น ๆ อาจจะเป็นแบบอย่างให้เด็กใช้วิธีเหล่านี้ ทำให้ตัวเองเป็นที่สนใจของคนอื่นและสังคม
ทั้งนี้ ต้องแนะนำการใช้เทคโนโลยีให้เด็ก พ่อและแม่ต้องรู้เท่าทันเทคโนโลยีต่าง ๆ เช่น อินเทอร์เน็ตที่ให้ลูกเล่น ซึ่งมีทั้งผลดีและผลเสีย พ่อและแม่ต้องเข้าใจว่าเป็นธรรมดาที่มนุษย์ทั่วไปก็มีสัญชาตญาณอยากรู้อยากเห็นในเรื่องของเพศ และอินเทอร์เน็ตในประเทศไทยยังไม่มีระบบคัดกรองเนื้อหาที่ดีพอ ทำให้เด็กมีโอกาสเข้าถึงข้อมูลในด้านลบได้ง่าย ส่งผลทำให้เด็กเรียนรู้ตาม ถ้ายิ่งเป็นเด็กวัยรุ่นจะมีความพร้อมที่จะถูกกระตุ้นมาก พอมีสิ่งแวดล้อมรอบข้างมากระตุ้นอีกที โอกาสที่จะเกิดพฤติกรรมทางเพศก็จะง่ายขึ้น และเรื่องของความรุนแรง ตามคลิปที่แชร์กันทั่วไป ก็อาจทำให้เด็กมีความรู้สึกชินชาต่อความรุนแรง จากนั้นจะทำให้ความคิด อารมณ์ มีความก้าวร้าวรุนแรงได้ง่าย
นอกจากนี้ การเล่นเกมที่มีความรุนแรง ก็อาจจะส่งผลให้เด็กมีความรู้สึกในเชิงก้าวร้าวเยอะขึ้นด้วย ดังนั้นพ่อและแม่จะต้องที่ทราบผลกระทบของการใช้เทคโนโลยีของเด็กในปัจจุบัน และควบคุมใช้เทคโนโลยี ไม่ควรให้เด็กโตอยู่กับเทคโนโลยีที่เป็นหน้าจอเกิน 2 ชั่วโมง และเด็กเล็กห้ามให้ใช้เทคโนโลยีก่อนอายุ 2 ขวบ และอายุ 2-5 ขวบ ไม่ควรให้ใช้เทคโนโลยีเกิน 1 ชั่วโมง อย่าปล่อยให้เด็กใช้เทคโนโลยีตามอิสระ ทั้งหมดนี้เป็นข้อแนะนำมาตรฐานสากลที่มีการยอมรับอยู่แล้ว โดยการที่จะควบคุมเด็กได้ดีนั้น ไม่ควรใช้คำสั่ง ต้องอาศัยความสัมพันธ์ที่ดี พ่อและแม่ควรจะมีเวลาให้กับเด็ก ถ้ามีความใกล้ชิดอบอุ่นเยอะและมีบรรยากาศที่เป็นด้านบวก เด็กก็จะเชื่อฟังได้โดยง่าย