เมื่อวันที่ 13 มิ.ย.60 นางนสภรณ์มีงามดี อายุ 49 ปี ชาวบ้านบ้านพิชัยพัฒนา หมู่ 16 ต.หนองใหญ่ อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ ได้ออกมาร้องขอความช่วยเหลือและขอความเห็นใจ หลังได้นำเงินกว่า 100,000 บาท ที่ลูกสาวและลูกเขยเก็บหอมรอมริบจากการทำงานรับจ้างก่อสร้างที่กรุงเทพฯ มานานกว่า 10 ปี ไปจ้างช่างในหมู่บ้านทั้งหมด 5 คนมาก่อสร้างบ้านให้กับลูกสาวและลูกเขย โดยได้ตกลงเหมาค่าแรงจำนวน 50,000 บาท ให้ตั้งเสา 19 ต้น พร้อมเชื่อมโครงหลังคาเหล็กและมุงหลังคา โดยตกลงกันด้วยวาจาไม่ได้มีการทำสัญญาแต่อย่างใด เหมือนกับชาวบ้านทั่วไปที่จ้างช่างมาก่อสร้างแบบกันเอง และเห็นว่าเป็นช่างในหมู่บ้านที่เคยก่อสร้างบ้านมาแล้วหลายหลัง จึงไว้ใจและเชื่อมั่นในฝีมือ ส่วนวัสดุอุปกรณ์ นางนสภรณ์ เป็นคนซื้อเองทั้งหมด
หลังจากเริ่มลงมือทำเมื่อวันที่ 4 พ.ค.ที่ผ่านมา ช่างก็ขอเบิกเงินงวดแรกจำนวน 25,000 บาท แต่พอตั้งเสาครบทั้ง 19 ต้นและทำการขึ้นโครงการหลังคาเหล็กเสร็จเรียบร้อย แต่ยังไม่ได้มุงหลังคา ช่วงบ่ายของวันที่ 9 มิ.ย.ที่ผ่านมา ทั้งเสาปูนและโครงหลังคาเหล็กเกิดล้มพังเสียหายทั้งหมด สร้างความตกใจให้กับนางนสภรณ์ เป็นอยากมาก จึงได้นำเรื่องไปแจ้งผู้ใหญ่ทราบ จากนั้นวันที่ 10 มิ.ย. ผู้ใหญ่บ้านได้นัดทั้งสองฝ่ายมาเจรจาไกล่เกลี่ย โดยนางนสภรณ์ ยื่นข้อเสนอให้ช่างรื้อเอาเสาและโครงเหล็กไปขายหรือใช้ประโยชน์อย่างอื่น แล้วซื้อวัสดุอุปกรณ์มาก่อสร้างให้ใหม่เท่ากับที่พังเสียหายไป เพราะคนสมัยก่อนมีความเชื่อว่าหากกำลังก่อสร้างบ้านแล้วโครงการพัง ต้องไม่นำกลับมาสร้างต่อเพราะเป็นรางไม่ดี แต่ช่างทั้ง 5 คน กลับปัดความรับผิดชอบไม่ยอมรับข้อเสนอ พร้อมท้าทายหากต้องการให้รับผิดชอบก็ไปฟ้องร้องเอา สร้างความช้ำใจให้กับนางนสภรณ์ เป็นอย่างมาก
นางนสภรณ์ ยังกล่าวทั้งน้ำตาด้วยว่า รู้สึกเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นเพราะเงินที่นำมาจ้างช่างและซื้ออุปกรณ์ก่อสร้างบ้าน เป็นเงินที่ลูกสาวและลูกเขยเก็บหอมรอมริบจากการทำงานก่อสร้างที่กรุงเทพฯ ได้ค่าแรงวันละ 300 บาท แล้วส่งเงินมาให้แม่จ้างช่างก่อสร้างบ้านให้ โดยจะทยอยสร้างตามงบที่มี แต่ไม่คาดคิดว่าจะเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น ซึ่งตนเชื่อว่าเกิดจากความสะเพร่าของช่างที่เชื่อมเหล็กไม่แน่นและไม่มีเสาค้ำยันเพื่อรับน้ำหนัก จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็อยากเตือนทั้งผู้ที่คิดจะก่อสร้างบ้าน ควรทำสัญญาไว้เป็นหลักฐาน รวมถึงหลักฐานการเซ็นรับเงินด้วย เพื่อเป็นหลักฐานหากเกิดเหตุไม่คาดคิดขึ้น อาจจะเป็นเหมือนตนเองที่ช่างไม่ยอมรับผิดชอบ ทั้งอยากฝากถึงช่างควรจะทำอะไรให้รอบคอบและมีมาตรฐานกว่านี้
ด้านนายเสนอ เชยรัมย์ ผู้ใหญ่บ้านบ้านพิชัยพัฒนา บอกว่า ในฐานะผู้ใหญ่บ้านตนก็พยายามไกล่เกลี่ยเพื่อหาทางออกและข้อยุติที่เป็นธรรมกับทั้งสองฝ่ายของกรณีที่เกิดขึ้นอย่างเต็มที่แล้ว แต่ทางช่างไม่สามารถรับข้อเสนอของผู้เสียหายได้ ขั้นตอนต่อไปก็ขึ้นอยู่กับผู้เสียหายว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อ หรือจะฟ้องเรียกค่าเสียหายก็ขึ้นอยู่กับตัวผู้เสียหายเอง