แท็กซี่แหกกฎรับซ้อนไม่กดมิเตอร์-ขนส่งฟันไม่เลี้ยงถอนใบไร้ทางทำกิน (คลิป)

จากกรณีที่โลกออนไลน์ได้มีการแชร์คลิป คนขับแท็กซี่บริษัทสหกรณ์ปทุมวัน แท็กซี่ สีชมพูทะเบียน ทว-360 กรุงเทพมหานคร มีพฤติกรรมรับผู้โดยสารโดยไม่กดมิเตอร์ และรับผู้โดยสารซ้อน ซึ่งผิดระเบียบของแท็กซี่มิเตอร์ เมื่อวันที่ 7 มิ.ย.ที่ผ่านมา โดยในคลิปดังกล่าวมีการพูดถึงชายคนขับแท็กซี่ที่รับผู้โดยสารมาจากบริเวณสถานีขนส่งหมอชิตมาส่งที่แพรกษา จ.สมุทรปราการ และยังรับผู้โดยสารอีกคนเตรียมไปส่งที่ซอยเพชรเกษม 81 หลังจากคลิปดังกล่าวได้แพร่ออกไปมีการวิพากษ์วิจารณ์อย่างมากมาย

ล่าสุด 8 มิ.ย.2560 นายธนฉัฐพงษ์ พูลธนดลชัยโชติ ผู้ที่อัดคลิปดังกล่าว เผยว่า วันดังกล่าวหลานจะเดินทางจากจ.อุบลราชธานีเพื่อมาหาตนเองที่จ.สมุทรปราการ แต่ในวันนั้นตนไม่ทราบเวลาลงรถจึงให้หลานนั่งแท็กซี่มาหา ซึ่งหลานเล่าให้ฟังว่า หลังลงรถทัวร์ แท็กซี่ที่ขนส่งหมอชิตก็มายกกระเป๋าตนไป หลานเลยเดินตาม เนื่องจากกลัวกระเป๋าหาย ซึ่งจากที่หลานคาดเดาคิดว่าจากหมอชิตมาแพรกษา ราคาไม่น่าจะเกิน 300 บาทและเวลาเดินทางยิ่งกลางคืนรถไม่ติดไม่น่าเกิน 1 ชั่วโมง และคิดว่าเรื่องที่แท็กซี่ไม่กดมิเตอร์ ซึ่งที่ผ่านมาไม่เคยคิดว่าต้องมาเจออะไรแบบนี้

นายสุกรี จารุภูมิ ผู้อำนวยการกองตรวจการขนส่งทางบก
นายสุกรี จารุภูมิ ผู้อำนวยการกองตรวจการขนส่งทางบก ได้แจ้งว่าคนขับรถคันดังกล่าวเข้ามาให้ปากคำและเพิ่งพบตนไปไม่นาน พร้อมเผยว่า หลังจากที่ทางกรมขนส่งได้ทราบเรื่อง เลยได้ติดตามตัวผู้ขับรถดังกล่าวคือ นาย ศิริยุทธ ศิริภักดิ์ อายุ 35 ปี ได้รับใบอนุญาตขับรถทุกประเภทชนิดที่ 2 ออกโดยสำนักขนส่งจ.กาฬสินธุ์ โดยคนขับให้การยอมรับว่า วันดังกล่าวได้มีรถแท็กซี่จากหมอชิตที่นำผู้โดยสารที่มาจากอุบลราชธานี 2 คนคิดเงินโดยไม่กดมิเตอร์มาจำนวน 900 บาท มาส่งให้แท็กซี่คันดังกล่าวโดยอ้างว่าท้องเสีย และได้ให้ค่าโดยสารนายศิรยุทธ 400 บาท อย่างไรก็ดีแท็กซี่คันดังกล่าวได้เดินทางไปรับผู้โดยสารอีกคนบริเวณถ.วงศ์สว่าง ก่อนเดินทางพาผู้โดยสารทั้งสองคนไปส่งสัมภาระที่ถนนราชพฤกษ์ ก่อนจะไปส่งผู้โดยสารต่อ

ทางกองตรวจการขนส่งทางบก พิจารณาแล้วเห็นว่า นายศิรยุทธ กระทำการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ.2522 ว่าด้วยการเรียกเก็บค่าโดยสารเกินกำหนด ปรับ 1,000 บาท และ กระทำการที่ก่อความรำคาญแก่ผู้โดยสารปรับอีก 1,000 บาท พร้อมกันนี้กตส. พิจารณาแล้วว่าการกระทำดังกล่าวของนาย ศิรายุทธ เป็นความผิดร้ายแรงจึงได้ดำเนินการเพิกถอนใบอนุญาตขับรถของผู้ขับรายดังกล่าวด้วย