เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 6 มิ.ย. ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นายวรุณ วีรกุล อายุ 44 ปี ผู้เสียหายถูกบริษัทแห่งหนึ่ง ตั้งอยู่ย่านสะพานสูง หลอกให้ร่วมลงทุนขายผลิตภัณฑ์ประเภทน้ำดื่มและยาสีฟัน พร้อมผู้เสียหายประมาณ 40 คน เดินทางเข้ายื่นเรื่องร้องเรียนต่อพ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผู้อำนวยการศูนย์บริหารคดีพิเศษ และรองโฆษกดีเอสไอ เพื่อขอให้ดีเอสไอดำเนินการตรวจบริษัทดังกล่าว มูลค่าความเสียหายประมาณ 80 ล้านบาท
นายวรุณ กล่าวว่า ได้สมัครเป็นพรีเซนต์เตอร์ ด้วยการโพสต์ภาพสินค้าประเภทน้ำดื่มและยาสีฟันของทางบริษัทดังกล่าว ซึ่งมีค่าทำสัญญารายละ 10,000-20,000 บาท ในระยะเวลา 1 ปี และต้องโพสต์สินค้าขายวันละ 2 ครั้ง ผ่านช่องทางสื่อออนไลน์ต่างๆ ซึ่งช่วงแรกผู้ร่วมลงทุนบางรายได้รับค่าตอบแทนจริง แต่เมื่อถึงครบกำหนด 1 เดือน คือเมื่อวันที่ 15 พ.ค.ที่ผ่านมา กลับถูกเลื่อนจ่ายค่าตอบแทนเป็นวันที่ 21 พ.ค.ที่ผ่านมา โดยอ้างบริษัทประสบปัญหาทางการเงิน พร้อมทั้งขอนัดการประชุมใหญ่ในวันที่ 28 พ.ค. แต่เมื่อถึงกำหนดนัดวันประชุม ทางบริษัทก็ขอเลื่อนการประชุมออกไปอีก โดยเป็นการแจ้งอย่างกะทันหัน ก่อนจะแจ้งให้ผู้เสียหายทั้งหมดเข้ามารับค่าตอบแทนเป็นเช็คเงินสดในวันที่ 29 พ.ค.ที่ผ่านมา พร้อมทั้งแจ้งยกเลิกระบบพรีเซ็นเตอร์ทั้งหมด และไม่คืนค่าสัญญา
"ทางกลุ่มผู้เสียหายได้สอบถามไปยังบริษัท ก็อ้างว่าบริษัทมีปัญหาทางการเงิน ทำให้ไม่สามารถจ่ายเงินให้กับพนักงานได้ และหลังจากนั้นไม่สามารถติดต่อบริษัทได้อีก แต่ได้อ้างว่าให้ไปรับเช็คเงินเดือนที่แนบพร้อมใบลาออก แต่กลุ่มผู้เสียหายไม่ยินยอม เพราะต้องการที่จะเอาเงินค่าประกันสินค้าคืน เนื่องจากเห็นว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมกับทางบริษัทมาตั้งแต่ต้น และการที่ได้เช็คไปก็ไม่มั่นใจว่าจะได้เงินจริงหรือไม่" นายวรุณกล่าว
ด้านผู้เสียหายอีกราย กล่าวว่า ในกลุ่มไลน์ของบริษัทได้มีการข่มขู่ผู้เสียหายที่จะเดินทางมาร้องเรียนดีเอสไอว่าจะดำเนินการฟ้องกลับ ทำให้ผู้เสียหายบางส่วนไม่กล้าที่จะเดินทางมา จึงส่งรายชื่อและจำนวนเงินค่าเสียหายมาร่วมยื่นให้กับดีเอสไอในวันนี้ อย่างไรก็ตามบริษัทดังกล่าวได้เปิดมาประมาณ 2 ปี และมีการประชุมที่ตั้งเป็นหลักแหล่ง มีใบอนุญาต มีสินค้าจริง ทำให้กลุ่มผู้เสียหายหลงเชื่อและอยากร่วมทำงานด้วย อีกทั้งผู้เสียหายบางรายก็ได้รับการชักชวนจากคนรู้จักหรือคนใกล้ชิดทำให้เกิดการหลงเชื่อและไปสมัครงานกับบริษัทดังกล่าว ทั้งนี้เราสามารถรวบรวมรายชื่อได้ 800 คน รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 80 ล้านบาท
พ.ต.ต.วรณัน กล่าวว่า จะรับเรื่องดังกล่าวไว้ทำการตรวจสอบข้อเท็จจริงว่าจะเข้าข่ายความผิดอะไร ทั้งนี้ เบื้องต้นจากการสอบถามพฤติการณ์มีความใกล้เคียงกับแชร์ลูกโซ่