วันที่ 2 มิ.ย. ที่ ลานอินฟินิท ฮอลล์ ชั้น 5 ศูนย์การค้าสยามพารากอน สมาคมผู้กำกับภาพยนตร์ไทย โดยมี นายบัณทิต ทองดี นายกสมาคมผู้กำกับภาพยนตร์ไทย ร่วมด้วยผู้กำกับชื่อดัง พชร์ อานนท์ และ กอล์ฟ-ธัญญ์วาริน สุขะพิสิษฐ์ ร่วมชี้แจงข้อเท็จจริงหลังเกิดกรณี นายสุรเดช หรือ เอก หลวงแสง อายุ 38 ปี ที่อ้างตัวเป็นผู้กำกับภาพยนตร์ ก่อเหตุอนาจารและล่วงละเมิดทางเพศเด็กสาว 2 คน เป็นเหตุให้ทางสมาคมผู้กำกับภาพยนตร์ไทยเกิดความเสียหาย
โดย อ๊อด-บัณฑิต เผยว่า "ที่วันนี้ต้องแถลงข่าวเรื่องจากสองปีที่ผ่านมามีข่าวฉาวในวงการบันเทิงเยอะ แต่บังเอิญเป็นข่าวที่เกิดจากกลุ่มคนที่อ้างตัวว่าเป็นผู้กำกับภาพยนต์ไทย ตอนคนแรก เราก็ดูท่าที แต่เริ่มมีคนที่สองสามสี่ตามมา เลยรู้สึกว่าสมาคมไม่สามารถนิ่งนอนใจได้ เพราะศักดิ์ศรีและเกียรติยศของพวกเราที่สั่งสมกันมานาน เริ่มถูกลิดรอนและลดความน่าเชื่อถือจากประชาชน เลยอยากชี้แจงว่านโยบายของพวกเราเป็นอย่างไร และพวกเราทำงานกันอย่างไร และต่อไปนี้เราจะทำอะไรให้สังคมเพื่อตรวจสอบคนเหล่านี้ได้บ้าง"
นายกสมาคมฯ กล่าวต่อ "กรณี ล่าสุดของคนชื่อ เอก อิสระ ซึ่งผมไม่อยากเปิดตัว แต่หลังจากมีการเข้าไปสืบข้อมูล มีการบอกเล่าและสืบทราบมาว่า เอก อิสระ ยังไม่ใช่ผู้กำกับ ไม่เคยทำหนัง ไม่เคยทำละคร ไม่เคยทำอะไรทั้งสิ้นเขาเป็นเป็นแค่นักแสดงเอ็กซ์ตร้า เป็นโมเดลลิ่งบ้าง เปิดการแสดงบ้าง แต่บังเอิญอยากทำหนังเลยใช้วิธีการไปขอเรี่ยไรเงิน โดยใช้กุศโลบายว่า ทำหนังเพื่อสร้างเจดีย์ในจังหวัดหนึ่งในภาคอีสาน ก็มีการแคสติ้งโดยยังไม่มีการเปิดกล้อง ผมไม่รู้ว่าเขาตั้งใจจะแคสจริงๆหรือเป็นแค่อุบายหลอกเด็กๆ ไปทำมิดีมิร้ายตามข่าว จนทำให้ภาพลักษณ์ของผู้กำกับเราเสียหายไปมาก หลายคนสงสัยว่าเขาเป็นผู้กำกับจริงหรือเปล่า ทำไมสมาคมไม่ตรวจสอบ และวันนี้นอกจากทางสมาคมจะชี้แจงแล้วเรายังจะทำตัวเป็นสื่อกลาง ให้กับบุคคลที่อยากพาลูกหลานเข้าวงการ หรือ คนที่ได้รับการติดต่อให้มาแคสติ้ง เราจะเป็นสื่อกลางในการตรวจสอบให้ ถ้าสงสัยว่าคนนั้นเป็นใคร มีตัวตนจริงไหม เราจะตรวจสอบให้ ถ้าเราไม่รู้เราจะพยายามตรวจสอบให้ได้ เพราะเราเชื่อว่าคอนเน็กชั่นของพวกเราที่มีอยู่รวมกันแล้วน่าจะครอบคลุมทั้งวงการ น่าจะช่วยเหลือตรงนี้กับสังคมได้
จากข่าวเมื่อต้นปี ที่มีคนอ้างว่าเป็นผู้กำกับลวนลามนางแบบและโทรศัพท์คุกคาม ทางเราตรวจสอบแล้ว ปรากฏว่าไม่ใช่ผู้กำกับ แต่เป็นช่างภาพ อาจจะเคยกำกับหนังสั้นบ้าง และก่อนหน้านี้ ที่มีข่าวว่ามีผู้กำกับไปแคสติ้งกันในโรงแรมที่จ.ชลบุรี ผมมองว่าเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นหลายครั้งจนไม่สามารถปล่อย และนิ่งนอนใจได้ จะเห็นว่าพวกผมทำหนังมาไม่รู้กี่สิบเรื่องแต่ไม่เคยมีเรื่องแบบนี้ เพราะเรามีจรรยาบรรณพอ ทำงานอย่างมืออาชีพ คนที่จะเข้ามาเป็นผู้กำกับภาพยนต์ให้เข้าใจอย่างหนึ่งว่า อาชีพของเรามั่นใจว่ามีศักดิ์ศรีเพียงพอที่จะให้ประชาชนเชื่อถือเรา อย่าทำตัวเป็นเหลือบ หรือ อะไรที่เกาะวงการจนก่อให้เกิดความเสื่อมเสีย ทั้งที่เกิดมาจากบุคคลอื่นเพราะถ้าเป็นผู้กำกับกันเองจริงๆ ผมโทรไปด่าแล้ว"
"นอกจากนี้คนลงทุนสร้างหนังหลายคนก็โดนหลอกจากบุคคลที่เป็นใครก็ไม่รู้ เพราะฉะนั้นต้องตรวจสอบว่าเชื่อใจได้แค่ไหน การจะให้เงินเขา สี่-ห้า ล้าน ไปสร้างหนัง ไม่ใช่แค่เพราะคนนั้นเขาบอกว่ากำกับหนังได้และมีรูปในกองถ่าย เพราะมีคนประเภทที่หลอกเอาเงินมาแต่ไม่ได้ทำหนังจริงอยู่เยอะมาก และอีกประเภทที่น่ากลัวคือ พวกเรี่ยไรเงินทอง มาบอกว่าจะให้ลูกคุณไปเป็นดารา แต่ขอเงินคนละหมื่น ต้องระวังเพราะโอกาสโดนหลอกสูงมาก ส่วนกรณีต่างๆที่เกิดขึ้นแล้ว ก็ได้มีการดำเนินการทางกฎหมายกันไปแล้ว
คนแบบนี้เราจะแบน ไม่คบค้าสมาคมด้วย รวมทั้งให้ข้อมูลกับที่ต่างๆ ที่คนนั้นเข้าไปติดต่อ ให้เป็นบทลงโทษทางสังคม ส่วนถามว่าทางสมาคมสามารถฟ้องผู้ที่แอบอ้างเป็นผู้กำกับได้ไหม เราเคยปรึกษาทางกฏหมาย แต่เราไม่สามารถฟ้องได้เพราะเขาแอบอ้างว่าเป็นผู้กำกับ แต่ถ้าแอบอ้างว่าเป็นสามารมผู้กำกับเราสามารถฟ้องได้ แต่ที่ผ่านมายังไม่มีใครแอบอ้างว่ามาจากสมาคมฯ สำหรับการวางมาตรฐานการเข้ามาเป็นผู้กำกับภาพยนต์ไทยนั้น เรากำลังหารือกัน ต่อไปนี้อาจจะมีการขึ้นทะเบียน ตอนนี้ยังเป็นการร่างโปรเจ็กต์อยู่ แต่เราจะผลักดันให้เป็นไปให้ได้ว่าใครที่จะเป็นผู้กำกับต้องขึ้นทะเบียน เรากำลังปรึกษาสมาพันธ์ภาพยนต์ และอาจจะให้กระทรวงวัฒนธรรมร่วมด้วย เพื่อจัดระเบียบและตรวจสอบง่ายขึ้น และเราจะมีการให้ข้อมูลกับประชาชนทั่วไป อาจจะออกมาในรูปแบบของคู่มือ แบบอินโฟกราฟฟิก แชร์บนสื่อออนไล์ บอกวิธีรับมือกับคนพวกนี้" อ๊อดกล่าว
ด้าน พชร์ อานนท์ เผยว่า "ฝากถึงสื่อมวลชนว่า เวลาพาดหัวข่าว อย่าใช้คำว่า ผู้กำกับชื่อดัง ควรจะตรวจสอบให้ดีก่อนว่าเขาเป็นผู้กำกับจริงหรือเปล่า สามารถโทรมาเช็กกับพวกเราก่อนก็ได้ เพราะถ้าข่าวลงไปว่าเป็นผู้กำกับ คนทั่วประเทศจะคิดว่า ผู้กำกับไทยเป็นอะไรททำไมถึงมีข่าวแบบนี้บ่อย รวมถึงฝากบอกผู้ปกครอง ถ้าจะไปแคสต้องดูบริษัทเหล่านั้นด้วยว่าน่าเชื่อถือไหม เป็นบริษัทจริงไหม ไม่ใช่ไปแคสกันที่ทาวน์เฮาส์ บริษัททำหนังส่วนใหญ่จะอยู่ใจกลางเมือง ผู้ปกครองที่ชอบปั้นลูกต้องระวัง เพราะการแคสกันสองต่อสอง พ่อแม่มีสิทธิเข้าไปนั่งดู การจะพาลูกไปแคสแต่ละที่ต้องตรวจสอบให้ดีก่อน อย่ามีความต้องการที่จะเข้าวงการมากเกินไปเพราะความเสี่ยงต่อการโดนหลอกจะเยอะ และสำหรับผู้เสียหายทั้งสองรายล่าสุดเรายังไม่ได้มีการเข้าไปพูดคุย เพราะเรายังตะลึงกับเรื่องนี้อยู่ จากนี้เราอาจจะประสานไปยังครอบครัวของเขาเพื่อพูดคุยทำความเข้าใจ และอาจจะหาข้อมูลเรียกคนที่เป็นเหยื่อที่เคยโดนมาคุยเป็นกลุ่มใหญ่หลายๆ ฝ่าย"
สำหรับ กอล์ฟ-ธัญญ์วาริน เสริมว่า "ฝากถึงน้องๆ ที่จะไปแคสติ้งว่า การที่เราเจอบุคคลที่มาหาผลประโยชน์จากเรา สิ่งแรกที่เราต้องทำคือ ป้องกันตัวเอง ต้องดูดีๆ เพราะเราสามารถปฏิเสธได้ เขาจะอ้างอะไรก็ตาม แต่ถ้าเป็นการล่วงละเมิดสิทธิของเรา เราต้องรู้ว่าจะป้องกันตัวเองอย่างไร อย่างแรกควรหาข้อมูลทั้งบริษัท ทั้งตัวผู้กำกับ หาความน่าเชื่อถือ ที่ผ่านมาไม่มีผู้กำกับจากสมาคมของเราไปทำเรื่องแบบนั้นจริงๆ อยากจะบอกผู้ปกครองที่ลูกตัวเองเจอปัญหาว่าอย่ายอมความ ให้เอาเรื่องถึงที่สุด จะได้เป็นคดีตัวอย่าง และที่เชิญสื่อมวลชนมาวันนี้เพื่อบอกถึงภัยสังคมที่อ้างตัวเป็นผู้กำกับหนัง สื่อจะเป็นกระบอกเสียงให้คนทั่วไปได้เข้าใจ ว่าการจะเข้าวงการนั้นเราต้องรู้จักป้องกันตัวเอง รวมถึงเป็นอุทาหรณ์ ให้กับคนที่จะอ้างตัวเป็นผู้กำกับหนังด้วย"
ทั้งนี้ประชาชนสามารถสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับ ผู้กำกับภาพยนต์ไทยโดยส่งข้อความโดยตรงไปยังเฟซบุ๊ก เพจ สมาคมผู้กำกับภาพยนต์ไทย https://www.facebook.com/thaifilmdirectorpage หรือทางหมายเลขโทรศัพท์ 096 6593969