ชีวิตจริงยิ่งกว่าละคร!หนุ่มรับเหมาจะพาลูกชายไปทำบัตรประชาชน ค้นหาเอกสารที่เมียแอบเก็บไว้อึ้งสูติบัตรลูกกลับเป็นอีก ชื่อ-นามสกุล ส่วนชื่อพ่อแม่ก็ไม่ใช่ตนเองกับเมีย เค้นความจริงจากเมียอ้างว่ากุเรื่องท้อง ขอลูกคนอื่นมาเลี้ยง จึงจูงมือกันมาร้องขอความช่วยเหลือ "ปวีณา" ช่วยทำเรื่องจริงให้ปรากฏ หลังผ่านมาร่วม 15 ปี ความลับเพิ่งแตก ขอตามหาพ่อแม่ที่แท้จริงให้ลูก เพื่อทำเรื่องรับบุตรบุญธรรมให้ถูกต้องตามกฎหมาย
เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 28 พ.ค. ที่มูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี ถนนรังสิต-นครนายก คลอง 7 ปทุมธานี นายเอก (นาม สมมติ) อายุ 52 ปี ชาวจ.สมุทรปราการ อาชีพรับเหมาทำระบบไฟ พร้อมด.ช.บอย (นามสมมติ) อายุ 14 ปี ลูกชาย เข้าร้องทุกข์ต่อนางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาฯ โดยนายเอกขอความช่วยเหลือให้ช่วยติดตามหาพ่อแม่ที่จริงของด.ช.บอย หลังให้การเลี้ยงดูมาเสมือนลูกแท้ๆ มาตลอดเวลากว่า 14 ปี แต่เพิ่งมารู้ความจริงว่าไม่ใช่ลูกแท้ๆ และการตามหาครั้งนี้ก็เพื่อจะได้ให้ทางพ่อแม่ที่แท้จริงของด.ช.บอยนั้น ได้จัดการทำเรื่องยกลูกให้เป็นบุตรบุญธรรมให้ถูกต้องตามกฏหมาย และเด็กจะได้ทำบัตรประชาชนและเรียนต่อได้
นายเอก กล่าวว่า ตนอยู่กินกับนางโบ (นามสมมติ) อายุ 47 ปี ภรรยา ซึ่งเป็นชาวอ.ถลาง จ.ภูเก็ต มานานกว่า 15 ปี มีลูกชายคนเดียวคือด.ช.บอย ก็รักและเลี้ยงดูมาอย่างดี เมื่อไม่กี่เดือนมานี้ภรรยาตนได้ขอกลับไปเยี่ยมญาติที่ภูเก็ต ต่อมาตนจะพาลูกชายไปทำบัตรประชาชนจึงค้นหาเอกสารสูติบัตร ก็พบว่าตู้เอกสารที่ภรรยาเก็บไว้ถูกล็อคกุญแจไว้อย่างแน่นหนา จึงสงสัยและช่วยกันกับลูกงัดกุญแจออกก็พบเอกสารจำนวนมาก ทั้งใบสูติบัตร ระเบียน ผลการเรียนของด.ช.บอย
แต่เมื่อตรวจสอบดูก็ต้องแปลกใจเนื่องจากเอกสารทั้งหมดมีการแก้ไขชื่อ นามสกุล ของด.ช.บอย โดยใช้ลิปควิกลบก่อนถ่ายเอกสารขึ้นมาใหม่ โดยในสำเนาใบสูติบัตรได้ระบุชื่อ นามสกุล ของเด็กชายอีกคน ที่เกิดวัน เดือน ปีเดียวกับลูกชายตน และชื่อพ่อแม่ที่ ให้กำเนิดนั้นเป็นชาวจ.สกลนคร เมื่อตนถามลูกชายตนก็บอกว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมาแม่ให้ใช้ชื่อนามสกุล คนละแบบกับที่พ่อตั้งให้ และแม่สั่งว่าห้ามไปบอกพ่อ มิฉะนั้นแม่จะอยู่ที่บ้านไม่ได้ ลูกชายก็เลยเก็บเป็นความลับมาตลอด ทั้งที่ไม่รู้ว่าความจริงมันคืออะไร
"ต่อมาผมได้ประมวลเรื่องราวทั้งหมดถึงจะเอะใจคิดได้ว่าด.ช.บอย อาจจะไม่ใช่ลูกของตัวเองจริงๆ เพราะเมื่อ 15 ปีก่อน ผมต้องเดินทางไปทำงานต่างจังหวัดเป็นประจำ ครั้งละเป็นเดือน นานๆจะได้กลับมาบ้านสักที วันหนึ่งนางโบบอกกับผมว่า ตัวเองท้องจึงขอกลับบ้านไปอยู่กับญาติที่ภูเก็ต เพื่อจะได้มีคนดูแล ผมก็เห็นด้วย จากนั้นนางโบก็ให้ผมโอนเงินให้เป็นประจำ ครั้งละ 1-2 แสนบาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่าย เมื่อเวลาจะขอไปเยี่ยมก็ปฏิเสธ จนวันหนึ่งนางโบก็โทรศัพท์มาบอกว่าคลอดลูกแล้ว ให้ไปรับกลับมาบ้าน เมื่อไปถึงภูเก็ตนางโบก็ไม่ยอมให้ไปรับที่บ้าน กลับให้ไปรับที่ห้องเช่าแห่งหนึ่ง ซึ่งก็ยังสงสัย
แต่เมื่อเห็นหน้าลูกก็ดีใจจนไม่ได้คิดหรือถามซักไซ้อะไรมาก ก่อนพากันมาอยู่บ้านที่จ.สมุทรปราการ โดยนางโบจะดำเนินการเรื่องพาลูกเข้าโรงเรียน พาลูกไปหาหมอเองทุกครั้ง เวลาที่เอาใบผลการเรียนลูกมาให้ดู ก็เป็นใบถ่ายเอกสาร ผมก็ไม่ได้สังเกต จนเรื่องมาแดงขึ้น ผมก็เกรงว่านางโบอาจจะไปขโมยลูกใครมา เพราะเมื่อถามไปก็จะได้รับคำตอบบ่ายเบี่ยงทุกครั้ง
ล่าสุดอ้างว่าด.ช.บอย เป็นลูกของเพื่อน ซึ่งทางนั้นมีลูก 6 คน เลี้ยงไม่ไหวเลยยกให้มา ที่ทำไปเพราะตัวเองมีลูกไม่ได้ และอยากมีลูกมากและกลัวว่าสามีจะไม่รัก ผมสงสารลูกมากตั้งแต่รู้ความจริงก็ไม่กล้าไปโรงเรียน เพราะอายเพื่อน และกลัวพ่อจะไม่รัก เมื่อรู้ว่าไม่ใช่ลูก ซึ่งผมก็ได้ปลอบใจลูกและถือว่าด.ช.บอยเป็นลูกชายของผม ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม ส่วนภรรยาหลังทุกคนรู้ความจริง ก็ขอกลับไปเยี่ยมญาติที่ภูเก็ตและยังไม่เดินทางกลับมา ผมได้บอกเรื่องนี้กับพี่สาวและปรึกษากันก่อนตัดสินใจเข้าร้องทุกข์มูลนิธิปวีณาฯ" นายเอก กล่าว
ด้าน นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาฯ กล่าวว่า หลังรับเรื่องได้ประสานกับ นายทศพล สินยบุตร นายอำเภอเต่างอย จ.สกลนคร เพื่อช่วยตรวจสอบชื่อ-ที่อยู่ ของพ่อแม่ด.ช.บอยที่ระบุในสูติบัตร โดยพบว่าพ่อแม่ของด.ช.บอย อาศัยอยู่ในต.นาตาล อ.เต่างอย จ.สกลนคร จริง ซึ่งเมื่อเจ้าหน้าที่ไปสอบถามเบื้องต้นทั้ง 2 สามีภรรยาก็ยอมรับว่าเคยให้ลูกชายกับนางโบไปจริง เนื่องจากมีลูกหลายคนและฐานะยากจน กลัวว่าจะเลี้ยงไม่ไหว และก็พร้อมที่จะดำเนินการรับรองด.ช.บอย เพื่อให้ได้ทำบัตรประชาชน และยกด.ช.บอยให้เป็นบุตรบุญธรรมของนายเอกให้ถูกต้องตามกฎหมาย
ในวันจันทร์ที่ 29 พ.ค.นี้ เวลา 10.00 น. นางปวีณาจะพา 2 พ่อลูกเดินทางไปที่อำเภอเต่างอยด้วยตนเอง เพื่อพบกับพ่อแม่ที่แท้จริงของด.ช.บอย ทำบัตรประชาชน และทำบันทึกการยกลูกให้กับนายเอกให้เรียบร้อย ต้องขอขอบคุณนายทศพล สินยบุตร นายอำเภอเต่างอยอย่างมาก หลังประสานงานไปก็ได้รับความช่วยเหลืออย่างดีและรวดเร็ว ทั้งนี้ หลังด.ช.บอย มีบัตรประชาชนก็จะรีบมาสมัครเรียนต่อในชั้นม.2 และได้พบกับพ่อแม่ที่แท้จริง จากนั้นก็จะใช้ชีวิตไปตามปกติ โดยนายเอกกับด.ช.บอยก็ยืนยันว่า แม้จะไม่ใช่พ่อลูกที่แท้จริง แต่ความรักพ่อลูกที่มีต่อกันจะไม่มีวันเปลี่ยนแปลงไปแน่นอน