วันที่ 27 พ.ค. น.ส.เอ (นามสมมุติ) อายุ 40 ปี พา น.ส.บี (นามสมมุติ) อายุ 15 ปี ซึ่งเป็นลูกสาว เข้าแจ้งความกับพ.ต.ท.นิธิศ แสงนภากาศ สารวัตร (สอบสวน) สภ.วังสะพุง จ.เลย ว่า น.ส.บี ถูก นายสน อายุ 50 ปี ซึ่งเป็นญาติและมีสักเป็นลุงของ น.ส.บี มีบ้านอยู่ติดกัน ข่มขืนกระทำชำเรา จน น.ส.บี ตั้งท้องได้ 8 เดือน
น.ส.บี เล่าว่า เมื่อช่วงเดือนตุลาคม 59 ขณะที่พ่อและแม่ออกไปรับจ้างกรีดยาง ก็ถูกนายสนแอบเข้ามาในห้องนอนแล้วบังคับขืนใจ โดยในเดือนเดียวกันนั้นตนถูกขืนใจไป 2 ครั้ง จากนั้นเมื่อเดือน พ.ย.59 ก็ถูกนายสนขืนใจอีก 3 ครั้ง และเมื่อเดือน ธ.ค.59 ก็ถูกลุงขืนใจอีก 3 ครั้ง รวมทั้งสิ้น 8 ครั้ง โดยทุกครั้งนายสน จะแอบเข้ามาในเวลาประมาณ 21.00 น.-22.00 น. โดยจะแอบเข้ามาปลดกลอนแล้วจับตัวบีบคอไม่ให้ร้อง แล้วลงมือข่มขืน นอกจากนี้นายสนยังบังคับไม่ให้บอกไม่เช่นนั้นจะฆ่าให้ตาย
โดยครั้งสุดท้ายเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 21 ธ.ค.59 ซึ่งครั้งนั้นตนบอกนายสนว่าประจำเดือนไม่มา และตั้งแต่นั้นนยาสนก็ไม่เคยมาหาตนอีกเลย แต่พยายามที่พบหน้าพร้อมขู่จะฆ่าให้ตายถ้าไปบอกพ่อแม่ญาติพี่น้อง ซึ่งตนก็ไม่ทราบว่าท้องได้ 8 เดือนแล้ว จนกระทั่งแม่ทราบเรื่อง
ขณะที่ น.ส.เอ เล่าว่า เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา ตนพาลูกสาวไปนั่งกินข้าวบ้านญาติ แต่พอลูกสาวเห็นนายสน ก็เกิดร้องและจะกลับบ้าน ตนก็บอกให้นั่งกินข้าวก่อน แต่ลูกสาวไม่ยอม เมื่อกลับถึงบ้านลูกสาวมาบอกว่า แม่อย่าโกรธหนูนะ พร้อมร้องไห้ไปด้วยว่าถูกนายสน บังคับข่มขืนและขู่ฆ่า และตนสงสัยว่าลูกสาวช่วงหลังอ้วนขึ้น จนลูกสาวมาบอก จากนั้นเมื่อญาติของนายสน ทราบเรื่องก็ได้มาขอเจรจาชดใช้เงิน 150,000บาท ผ่อนเป็นรายเดือน พร้อมจะรับผิดชอบดูแลเด็กในท้อง แต่ตนไม่ยอม จึงได้ร้องขอความช่วยเหลือไปยังมูลนิธิปวีณา หงสกุล ก่อนพาลูกสาวเข้าแจ้งความ
ภายหลังนางปวีณา ทราบเรื่องจึงได้ประสานไปยัง พ.ต.อ.สุจินต์ นาวาเรือน ผกก.สภ.วังสะพุง ช่วยตรวจสอบเรื่องดังกล่าว และช่วยเหลือเด็กและพ่อแม่ของเด็ก ด้าน พ.ต.อ.สุจิน เปิดเผยว่า วันนี้ได้เรียกพนักงานสอบสวนเจ้าของคดี มาร่วมสอบถามแม่และเด็กผู้เสียหายในเบื้องต้น พร้อมแจ้งความลงบันทึกประจำวัน ซึ่งก่อนหน้านั้นพนักงานสอบสวนได้ส่งตัวไปตรวจร่างกายที่ ร.พ.วังสะพุง เพื่อหาร่องรอยการข่มขืน ส่วนการสอบปากคำเด็กซึ่งมีอายุต่ำกว่า 18 ปี จะมีขึ้นในวันจันทร์ที่ 29 พ.ค.นี้ โดยทีมสหวิชาชีพ ทนายความ อัยการ นักสังคมสงเคราะห์ และตำรวจ ร่วมสอบปากคำ จากนั้นก็จะออกหมายเรียกผู้ถูกกล่าวหา มารับทราบข้อกล่าวหา ถ้าครั้งแรกไม่มีจะออกหมายเรียกครั้งที่ 2 ถ้าไม่มาอีกก็จะขอศาลออกหมายจับทันที