เมื่อวันที่ 26 พ.ค. เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก เมื่อผู้ใช้เฟซบุ๊ก@Do Dew ได้ออกมาโพสต์ข้อความ ระบุว่า "ฝนตก แล้วน้ำกระเด็นใส่ ถึงกับต้องทำกันถึงขนาดนี้เลยหรอคะ? แล้วทรัพย์สินที่เสียหาย #ใครจะรับผิดชอบ?" พร้อมเผยคลิปเหตุการณ์ขณะที่ชายหนุ่มขี่มอเตอร์ไซค์รายหนึ่งกำลังทุบรถแท็กซี่ด้วยความโมโห แม้คนขับแท็กซี่จะได้ยกมือไหว้ขอโทษแล้วก็ตาม จนสร้างความตกใจแก่ผู้ที่ได้รับชมคลิป ที่ต่างวิจารณ์การกระทำของหนุ่มขี่มอเตอร์ไซค์เป็นอย่างมากนั้น
ล่าสุด น.ส.สุมน ภู่ยินดี อายุ 61 ปี คนขับแท็กซี่ในคลิปดังกล่าวให้สัมภาษณ์กับ "เดลินิวส์ออนไลน์" เผยว่า เมื่อเวลาประมาณ 15.00 น. วันที่ 24 พ.ค.ที่ผ่านมา ขณะที่ตนกำลังขับรถแท็กซี่เพื่อไปส่งผู้โดยสารสาวซึ่งกำลังไปรับลูกที่ย่านถนนพระเฉลิมพระเกียรติฯนั้น ระหว่างทางตนก็ได้พูดคุยกับผู้โดยสารไปเรื่อยๆ และไม่ขับรถเร็วเนื่องจากมีฝนตกปรอยๆตลอดทาง เมื่อขับมาถึงบริเวณซอย61 ก่อนที่จะกลับรถไปยังฝั่งตรงข้ามนั้น ได้มีชายหนุ่มวัยรุ่นขี่มอเตอร์ไซค์มาปาดหน้าและเคาะกระจก ซึ่งตนก็ได้สอบถามไปได้รับคำตอบว่า "-ึงขับรถเหยียบน้ำกระเด็นใส่-ู" ซึ่งเมื่อได้ยินดังนั้นตนก็รีบขอโทษทันที เพราะไม่ได้ตั้งใจ ไม่ทราบว่าขับรถเหยียบน้ำกระเด็นได้อย่างไร แต่คนขี่มอเตอร์ไซค์ไม่ฟังเหตุผล ถอดหมวกกันน็อดแล้วฟาดลงมาที่กระจกข้างจนหัก ทุบกระจกฝั่งตนจนแตก เศษกระจกเข้าปักที่ใบหน้าตน พร้อมต่อยเข้าที่ใบหน้า แต่ก็ยังไม่พอใจ แม้ตนจะได้ไหว้พร้อมขอโทษหลายครั้ง อีกทั้งผู้โดยสารสาวยังได้พยายามพูดช่วยเหลือและมีชายผู้เห็นเหตุการณ์เข้ามาห้ามปราม แต่หนุ่มขี่มอเตอร์ไซค์ก็ยังไม่ฟัง เดินนำหมวกกันน็อคไปทุบรถแท็กซี่ของตนจนพอใจจึงได้ขี่รถหนีไป หลังจากนั้นคนรอบข้างได้ให้ข้อมูลกับตน อ้างว่าชายวัยรุ่นดังกล่าวนั้นเป็นลูกตำรวจอีกด้วย
"ตอนนั้นบอกตรงๆเลยว่าไม่กล้าลงจากรถ เพราะเขาตาขวางลอยๆ คิดว่าถ้าลงจากรถจะต้องถูกทำร้ายร่างกายหนักแน่ๆ ยิ่งภาพลักษณ์ของแท็กซี่ไม่ดีอยู่แล้ว หากเกิดเรื่องขึ้นมา สังคมจะมองแท็กซี่ในแง่ลบมากขึ้นไปอีก ก็ได้แต่พยายามไหว้ขอโทษ คนเราถ้าคนๆหนึ่งยกมือไหว้ขอโทษก็ไม่น่าจะทำร้ายกันต่อแล้ว แต่เขาก็ไม่ยอมหยุด สมัยนี้อยู่ยากจริงๆ แค่มองหน้าก็หาอยากมีเรื่อง ยิงกันตายก็มี ก็อยากจะให้มีสติ และใจเย็นๆกันมากๆ" โชเฟอร์แท็กซี่ถูกทุบรถกล่าว
เบื้องต้นหลังจากที่ตนแจ้งความถึงเรื่องที่เกิดขึ้นที่สน.อุดมสุขแล้ว ก็ได้รับข้อมูลว่าเจ้าของรถคันดังกล่าวนั้นเป็นคนละคนกับผู้ก่อเหตุ ทางตำรวจกำลังเร่งหาตัว แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ตนยังไม่ตกลงใจว่าจะเอาเรื่องจนถึงที่สุดหรือไม่ หวั่นว่าจะกระทบกับงานของผู้เป็นพ่อวัยรุ่นคนดังกล่าว อีกทั้งเกรงว่าจะกลับมาเอาเรื่องตนได้ แต่ก็อยากให้เขาได้รับโทษเพื่อเป็นบทเรียน ไม่ไปทำลายทรัพย์สินของคนอื่นเช่นที่ตนเจอจนต้องเสียหายได้มากกว่า 3 วัน เนื่องจากรถยังซ่อมไม่เสร็จไม่สามารถไปขับรถแท็กซี่ได้ ขาดรายได้และเสียค่าซ่อมรถมากกว่า 1 หมื่นบาทแล้ว
กระทู้ร้อนแรงที่สุดของวันนี้
กระทู้ล่าสุด
รูปเด่นน่าดูที่สุดของวันนี้
