เป็นเรื่องที่รอตัดสินใจกันมาอย่างยาวนาน สำหรับเรื่องของ "การเพิ่มเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ" ที่ก่อนหน้านี้ถกเถียงและหาหลักการมาอย่างนานพอสมควร โดยล่าสุดครม.เห็นชอบในหลักการเพิ่มเบี้ยผู้สูงอายุที่มีรายได้น้อยจากเดือนละ 600 บาทเป็น 1,500 บาท แต่นายกฯต้องการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปศึกษาแนวทางให้รอบด้านเพื่อกำหนดความช่วยเหลือให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมายอย่างแท้จริง
นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า จะต้องพิจารณาอย่างรอบด้าน ทั้งจำนวนผู้สูงอายุ การจัดเตรียมงบประมาณ เพื่อประกอบการพิจารณาการปรับขึ้นเบี้ยยังชีพให้กับผู้สูงอายุ นายกรัฐมนตรีได้ฝากประเด็นการพิจารณาเพิ่มเติม โดยให้มีการตรวจสอบรายชื่อผู้สูงอายุที่จะต้องยึดโยงกับข้อมูลของประชาชนที่ได้ลงทะเบียนผู้มีรายได้น้อยกว่า 14 ล้านคน เพื่อใช้ในการกำหนดมาตรการให้ความช่วยเหลืออย่างเหมาะสมและความต้องการ
ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเห็นชอบในหลักการเพิ่มเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุเป็น 1,200-1,500 บาท ตามช่วงอายุ จากเดิมเดือนละ 600-1,000 บาท เพื่อให้เหมาะสมต่อสภาพค่าครองชีพ โดยที่มาของงบประมาณที่จะนำมาเป็นส่วนเพิ่มนั้น มาจากที่ ครม.อนุมัติแนวทางตามที่กระทรวงการคลังเสนอให้ผู้สูงอายุกลุ่มที่มีฐานะดีเลี้ยงดูตัวเองได้ สละเบี้ยยังชีพเข้ามาในกองทุนชราภาพ
อย่างไรก็ตาม มติครั้งนี้เป็นการอนุมัติในหลักการ ยังต้องให้กระทรวงการคลังไปจัดทำรายละเอียดเพิ่มเติมในอีกหลายประเด็น เพื่อให้เกิดความรอบคอบในทุกด้าน แล้วกลับมาเสนอ ครม.ให้เร็วที่สุด
ซึ่งกระทรวงการคลังชี้แจงว่า ปัจจุบันมีผู้สูงอายุหรือผู้อายุเกินกว่า 60 ปี จำนวน 10.3 ล้านคน หรือ16% ของประชากรทั้งประเทศ และคาดว่าปี 2568 จะเพิ่มเป็น 20% ในจำนวนผู้สูงอายุทั้งหมดมี 3.5 ล้านคน ที่มีรายได้น้อยหรือมีรายได้ต่ำกว่าปีละ 3 หมื่นบาท และยังพบว่ามีผู้สูงอายุที่มีฐานะจำนวนมากยินยอมสละสิทธิไม่รับเบี้ยสูงอายุ โดยหากมีผู้สละสิทธิเพียง10% จะมีเงินเข้ากองทุนฯมากถึงปีละ4,000ล้านบาท