"บิ๊กตู่" นั่งหัวโต๊ะถกคสช.-ครม. ปัดตอบเหตุระเบิดรพ.พระมงกุฎ บอก "ประวิตร" ลาบ้างไม่ได้หรือ ระทึกชายสูงวัยนอนขวางขบวนรถพล.ต.อ.อดุลย์ นึว่าเป็นรถนายกฯร้องให้ช่วยเรื่องพินัยกรรรม
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 23 พ.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานการประชุมคสช. ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ซึ่งก่อนขึ้นประชุมนายกรัฐมนตรี มีสีหน้าที่เคร่งเครียด โดยไม่ตอบคำถามเกี่ยวกับเหตุการณ์ระเบิดที่โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า
จากนั้นผู้สื่อข่าวถามถึง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่ไม่ได้มาเข้าร่วมการประชุมในวันนี้ว่าได้ไปเยี่ยมอาการป่วยหรือยัง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า "เขาเป็นอะไร เขาลาบ้างไม่ได้เหรอ" ก่อนจะเดินทางเข้าไปประชุมที่ตึกบัญชาการทันที โดยวันนี้นายกรัฐมนตรีมีสีหน้าเรียบเฉย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับรัฐมนตรีที่ลาการประชุมคณะรัฐมนตรีในวันนี้ มีจำนวน 4 ราย ได้แก่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคงและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และหม่อมหลวงปนัดดา ดิศกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนประชุมเกิดเหตุระทึกขึ้นโดยมีชายสูงวัย กระโดดลงไปนอนขวางขบวนของพล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) บริเวณทางเข้าทำเนียบรัฐบาล หน้าสะพานอรทัย เพราะคิดว่าเป็นขบวนรถของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เจ้าหน้าที่ตำรวจรักษาความปลอดภัยและหาร จึงได้เข้าไปคุมตัวและพาไปยังศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์บริเวณฝั่งก.พ. เพื่อสอบถามถึงสาเหตุที่แท้จริง
เบื้องต้นทราบชื่อคือนายพร้อม บุญสืบ อายุ 72 ปี ชาวอุบลราชธานี โดยนายพร้อมห้อยป้าย "คสช.ช่วยด้วย" พร้อมถือถุงขนมตาล โดยบอกว่าจะเอามาฝากนายกรัฐมนตรีและคสช. พร้อมแจ้งกับเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วยภาษาภาคอีสานว่า ต้องการมาร้องเรียนและขอความช่วยเหลือในเรื่องของพินัยกรรม
สำหรับมาตรการรักษาความปลอดภัยที่ทำเนียบรัฐบาล เจ้าหน้าที่ทหารนำสุนัขดมกลิ่นเดินตรวจพื้นที่บริเวณโดยรอบทำเนียบรัฐบาล และสนามหญ้าหน้าตึกไทยคู่ฟ้า ตลอดจนได้เพิ่มกำลังทหาร และตำรวจสันติบาล คุมเข้มตรวจตราความเรียบร้อยทางเข้า-ออก ทำเนียบรัฐบาล หลังเกิดเหตุระเบิดที่โรงพยาบาลพระมงกุฏเกล้า
ขณะที่การประชุมคสช. คาดว่าพล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผู้บัญชาการทหารบก ในฐานะเลขานุการคสช. เตรียมรายงานความคืบหน้าเหตุระเบิดโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า เมื่อวานที่ผ่านมา และมาตรการด้านการข่าว รวมถึงการเพิ่มมาตรการในการรักษาความปลอดภัยให้เข้มงวดและรัดกุมมากขึ้น ส่วนพล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จะรายงานความคืบหน้าทางคดีเช่นกัน นอกจากนี้ คาดว่าที่ประชุมจะมีการชี้แจงการดำเนินงานในโอกาสครบรอบ 3 ปี คสช. เช่นเดียวกัน
ส่วนวาระการประชุมครม. คาดว่ากระทรวงสาธารณสุขจะมีการสรุปตัวเลขอัตราบรรจุพยาบาลวิชาชีพใหม่ให้ที่ประชุมทราบ ซึ่งการบรรจุข้าราชการ ตำแหน่งพยาบาลวิชาชีพขอใหม่ 10,992 อัตรา หลังจากครม.มีมติได้ให้กระทรวงสาธารณสุข เกลี่ยอัตราตำแหน่งที่ว่างของกระทรวง จำนวน 11,442 อัตรา ซึ่งเป็นพยาบาล 2,200 อัตรา จะทำให้ตัวเลขพยาบาลที่ขอบรรจุจาก 10,992 อัตรา เหลือ 8,792 อัตรา และแบ่งบรรจุภายใน 3 ปี รวมถึงเสนอให้ที่ประชุมพิจารณาการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการเป้าหมายนโยบายบุคลากรสาธารณสุข เพื่อดูแลภาพรวมในเรื่องดังกล่าวด้วย
ขณะที่กระทรวงการคลัง เสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาร่างประกาศกระทรวงการคลัง เรื่องลดอัตราและยกเว้นภาษีสรรพสามิต โดยสาระสำคัญให้คงการเก็บภาษีสรรพสามิตในส่วนของน้ำมันหล่อลื่นเหลวและน้ำมันที่คล้ายกัน ลิตรละ 5 บาท ให้ยกเว้นภาษีสรรพสามิตสำหรับน้ำมันหล่อลื่นเหลวและน้ำมันที่คล้ายกัน ที่ทำจากน้ำมันหล่อลื่นเหลวและน้ำมันที่คล้ายกันที่ใช้แล้ว รวมทั้งให้ยกเว้นภาษีสรรพสามิตที่นำไปใช้เป็นวัตถุดิบในการอุตสาหกรรมการผลิตสิ่งของอื่น เพื่อลดภาระต้นทุนภาคอุตสาหกรรม และให้ยกเว้นภาษีสรรพสามิตสำหรับน้ำมันหล่อลื่นเหลวและน้ำมันที่คล้ายกัน
ด้านกระทรวงอุตสาหกรรม เสนอร่างพระราชบัญญัติพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือพ.ร.บ.อีอีซี หลังจากกฤษฎีกาปรับปรุงร่างแล้วเสร็จจะนำเสนอให้ครม.พิจารณาอีกครั้ง พร้อมรับฟังความคิดเห็นจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรอบด้าน ก่อนนำเรื่องเข้าสู่ที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ พิจารณาออกเป็นกฎหมายให้มีผลบังคับใช้ต่อไป คาดว่าจะแล้วเสร็จประมาณเดือนตุลาคม 2560