จากกรณีข่าวเกี่ยวกับพยาบาลฉีดยาให้กับคนไข้หญิงอายุ 20 ปี ซึ่งมาด้วยอาการปวดท้องที่โรงพยาบาลอรัญประเทศ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว แต่ปรากฏเกิดเหตุไม่คาดคิด คนไข้รายดังกล่าวเกิดอาการช็อกและเสียชีวิต จนเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในวงกว้างนั้น
ล่าสุดเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงศ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข เขต 6 กล่าวว่า ล่าสุดได้มีการตรวจสอบและได้รับข้อมูลจากทางโรงพยาบาล ซึ่งพบว่าคนไข้มาด้วยอาการท้องเสีย อาเจียน ปวดท้อง มีถ่ายเหลว 2-3 ครั้ง โดยแพทย์ได้สั่งให้พยาบาลฉีดยาลดการหดเกร็งของลำไส้ ซึ่งสักพักหนึ่งคนไข้บอกว่ามีอาการวิงเวียนศีรษะ พยาบาลจึงฉีดยาแก้วิงเวียน ปรากฏว่าคนไข้มีอาการช็อก ซึ่งทางโรงพยาบาลได้ทำการฟื้นคืนชีพ หรือ CPR เป็นชั่วโมง แต่อาการไม่ดีขึ้น จนกระทั่งเสียชีวิต
ผู้ตรวจราชการกล่าวอีกว่า เมื่อตรวจสอบพบว่ามีความเป็นไปได้ที่คนไข้มีอาการแพ้ยาในกลุ่มลดการหดเกร็งตัวของลำไส้ ซึ่งเป็นในกลุ่มที่แพ้ยาโดยไม่รู้ตัว และเป็นอย่างเฉียบพลัน โดยทุกคนมีความเสี่ยงทั้งสิ้น เพียงแต่เมื่อเกิดขึ้นจะมีระบบทางการแพทย์ในการช่วยฟื้นคืนชีพ แต่เคสดังกล่าวไม่สามารถช่วยเหลือให้กลับมาได้ ซึ่งทุกฝ่ายรู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
"อาการแพ้ยามีหลายแบบ แต่หลักๆ จะมีแบบทราบว่าตัวเองมีประวัติแพ้ยาอะไร ซึ่งปกติแพทย์ พยาบาล จะทำการซักประวัติก่อนวินิจฉัยให้ยาหรือฉีดยาอยู่แล้ว แต่ในบางกรณีคนไข้ไม่ทราบว่าเคยแพ้ยา มาทราบก็ต่อเมื่อมีอาการแล้ว ซึ่งพบได้ อย่างหมอก็มีความเสี่ยงเช่นกัน เป็นได้ทุกคน เรื่องนี้ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น เบื้องต้นทาง รพ.ได้ทำความเข้าใจกับญาติผู้เสียชีวิตแล้ว พร้อมทั้งให้การช่วยเหลือผ่านกลไกการเยียวยาเบื้องต้นของ ม.41 พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ.2545" นพ.ธเรศกล่าว