พ่อบ้านมูลนิธิ อนาจารดญ. แม่พาลูก แจ้งความ ปฏิเสธลั่น แค่หอม!!

สอบเค้นพ่อบ้านมูลนิธิชื่อดัง หลัง แม่พาลูกสาววัย 12 แจ้งตร.หัวหินดำเนินคดี เด็กเผยถูกพ่อบ้านย่องเข้ามาในห้องนอนตอนตี 3 แล้วทำอนาจารล่วงละเมิดทางเพศ นอกจากนี้ยังก่อเหตุอนาจารด.ญ. วัย 13 เมื่อ 2 ปีที่แล้ว ขณะที่พ่อบ้านผู้ต้องหาปฏิเสธลั่น ขอให้การชั้นศาล ยืนยันไม่ได้อนาจารเด็กๆ แค่หอมแก้มธรรมดาเหมือนหอมลูกสาวตัวเองเพราะรักเด็กทุกคนเหมือนลูก

เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 18 พ.ค. พ.ต.อ. สิทธิชัย ศรีโสภาเจริญรัตน์ ผกก.สภ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยถึงคดีที่ผู้ปกครองเด็กหญิงวัย 12 ปี เข้าแจ้งความเอาผิดคนดูแลมูลนิธิชื่อดังกระทำอนาจารกับเด็กว่า คดี ดังกล่าวเกิดขึ้นกับเด็กหญิงอายุระหว่าง 12 และ 13 ปี โดยเด็กหญิงวัย 13 ปี เกิดเหตุเมื่อ 2 ปีที่แล้ว ขณะที่เด็กหญิงวัย 12 ปี เกิดเหตุระหว่างคืนวันที่ 7 ต่อเนื่องคืนวันที่ 8 พ.ค.ที่ผ่านมา ผู้ต้องหาเป็นพ่อบ้านหรือคนดูแลมูลนิธิชื่อดังแห่งหนึ่ง มีหน้าที่ดูแลเลี้ยงดูเด็กหญิงในมูลนิธิ โดยเด็กที่อยู่ในการดูแลเป็นเด็กกำพร้า เด็กเร่ร่อนและด้อยโอกาส รวม 12 ราย มีอายุตั้งแต่ 10 ปี จนถึงเด็กเรียนระดับปริญญาตรี

ผกก.สภ.หัวหินกล่าวต่อว่า ทั้งนี้เมื่อวันที่ 7 พ.ค. แม่บ้านทำความสะอาดได้นำลูกสาววัย 12 ปี ซึ่งไม่ใช่เด็กที่อยู่ในการดูแลของมูลนิธิดังกล่าว และไม่ได้อยู่ประจำที่มูลนิธิ มาฝากให้นอนค้างที่มูลนิธิ เนื่องจากช่วงเช้าต้องเดินทางไปแข่งขันฟุตบอล กระทั่งเวลาราวตี 3 ตามคำกล่าวอ้างของเด็ก ระบุว่าพ่อบ้านผู้ดูแลมูลนิธิเข้ามาก่อเหตุกระทำอนาจาร ล่วงละเมิดทางเพศ ด้วยการหอมแก้มแล้วถกเสื้อชั้นในออก กระทั่งรุ่งเช้าเด็กจึงแจ้ง ผู้ปกครองให้ทราบเรื่อง ทางครอบครัวจึงแจ้งหน่วยงานต้นสังกัดทราบ เป็นที่มาของการสั่งพักงานพ่อบ้านคนดังกล่าว ก่อนที่ครอบครัวจะตัดสินใจพากันมาแจ้งความที่สภ.หัวหิน

ผกก.สภ.หัวหินกล่าวด้วยว่า ยืนยันว่าคดีนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจจะดำเนินการด้วยความรอบคอบ เนื่องจากเป็นคดีเกี่ยวกับเด็กและเยาวชน อีกทั้งอยู่ในความสนใจของประชาชน

ต่อมาพ.ต.อ.สิทธิชัยพร้อมด้วยพ.ต.ท. เสมอ อยู่สำราญ รองผกก.สส. และพ.ต.ท.ชัยวัฒน์ สืบยิ่ว สารวัตรสอบสวน สภ.หัวหิน เข้าคุมตัวพ่อบ้านของมูลนิธิที่ถูกแจ้งความเอาผิด ซึ่งตกเป็นผู้ต้องหาคดีอนาจารเด็กหญิงอายุไม่เกิน 15 ปี มาสอบปากคำ เบื้องต้นให้การปฏิเสธในชั้นพนักงานสอบสวน

จากการสอบสวนพ่อบ้านที่ตกเป็นผู้ต้องหาระบุว่าไม่ได้กระทำอนาจารเด็กหญิงตามที่ถูกกล่าวหา ทั้งนี้ ระหว่างสอบปากคำยังให้การว่าเป็นคนรักเด็ก เนื่องจากมีลูกสาววัยไล่เลี่ยกัน รักเด็กทุกๆ คนเหมือนลูกตัวเอง โดยมักหอมแก้มกอดลูกบ่อยครั้ง รวมถึงเด็กๆ ในความดูแลเป็นประจำ จึงอาจจะทำให้เกิดความเข้าใจผิดได้ หลังเกิดเรื่องสำนักงานใหญ่ของมูลนิธิสั่งพักงานและให้ย้ายออกไปอยู่ข้างนอก เหตุที่ยังกลับมามูลนิธิเนื่องจากเด็กโทรศัพท์ไปหาบอกว่าคิดถึง หายไปไหน ทำให้ยังคงวนเวียนไปมาที่มูลนิธิ ยืนยันว่าไม่ได้กระทำอนาจารเด็กหญิง และขอสู้คดีในชั้นศาลต่อไป

ทั้งนี้ตำรวจเตรียมนำตัวผู้ต้องหาฝากขังที่ศาลจังหวัดหัวหินในวันที่ 19 พ.ค. ซึ่งผู้ต้องหามีสิทธิขอประกันตัวได้ แต่ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาล โดยโทษสูงสุดในคดีคือจำคุกไม่เกิน 10 ปี

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า น.ส.ไพลิน กองพันธ์ รองนายกเทศมนตรีเมืองหัวหิน พร้อมด้วยผู้อำนวยการกองสวัสดิการและสังคม และนักสังคมสงเคราะห์เทศบาลเมืองหัวหิน ลงพื้นที่ตรวจสอบมูลนิธิที่เกิดเหตุ พร้อมเจ้าหน้าที่จากสำนักงานพัฒนาความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ โดยเข้าตรวจสอบสถานที่ตั้งของมูลนิธิดังกล่าว พบว่าวันนี้ปิดทำการ

น.ส.ไพลินกล่าวว่า จากการตรวจสอบพบว่ามูลนิธิดังกล่าวยังไม่ได้จดทะเบียนขออนุญาตอย่างถูกต้องตามกฎหมาย เคยพูดคุยกับตัวแทนของมูลนิธินี้ระบุว่าเป็นเพียงสำนักงานสาขาหนึ่งเท่านั้นที่ตั้งกระจายอยู่ตามต่างจังหวัด เทศบาลเมืองหัวหินจะร่วมกับหน่วยงานปกครองอำเภอหัวหิน และ พมจ.ประจวบคีรีขันธ์ เข้ามาตรวจสอบและให้ดำเนินการให้ถูกต้อง รวมทั้งจะต้องเข้ามาดูแลไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยเช่นนี้อีก