วันที่ 18 พ.ค. ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากนายเจริญ ศรนารายณ์ กำนัน ต.นาหมื่นศรี อ.นาโยง จ.ตรัง ว่า ตนพร้อมด้วย ด.ต.อำนวย ฤทธิมา หน.สายตรวจประจำ ต.นาหมื่นศรี ตำรวจชุมชน และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ประมาณ 10 คน ได้ช่วยกันจับกุมชายคนหนึ่ง ขณะกำลังเกิดอาการคลุ้มคลั่งทำร้ายร่างกายแม่บังเกิดเกล้า และทุบทำลายข้าวของภายในบ้านพักอาศัย ต.นาหมื่นศรี อ.นาโยง จ.ตรัง จนเสียหายกระจัดกระจาย จึงรีบเข้าควบคุมตัวนำส่ง รพ.นาโยง เพื่อให้แพทย์รักษาอาการ
ที่ รพ.นาโยง โดยได้พบกับ นายดำ (นามสมมุติ ) อายุ 40 ปี เป็นชาว ต.นาหมื่นศรี อ.นาโยง จ.ตรัง กำลังนั่งอยู่บนรถเข็นในห้องฉุกเฉิน และสีหน้ามีความกังวลอย่างเห็นได้ชัด แต่มีอาการคล้ายคนเมา ซึ่งเตรียมถูกนำตัวส่ง รพ.จิตเวชสงขลาราชนครินทร์ เนื่องจากเป็นคนไข้ที่มีประวัติการรักษามาตั้งแต่ปี 2558 จนช่วงหลังมีอาการกำเริบ ชอบทำลายข้าวของ ทำร้ายร่างกายผู้อื่น และซ้ำร้ายคือ มีพฤติกรรมจะล่วงละเมิดทางเพศแม่ของตนเองด้วย
ด.ต.อำนวย ฤทธิมา หน.สายตรวจประจำ ต.นาหมื่นศรี กล่าวว่า หลังได้รับแจ้งจาก นางป๋อง (นามสมมุติ) อายุ 57 ปี มารดาของ นายดำ ว่า ลูกชายเกิดอาการคลุ้มคลั่งทำลายข้าวของเครื่องใช้ภายในบ้าน และยังทำร้ายแม่ของตนเองด้วย เจ้าหน้าที่จึงพร้อมด้วยกำนัน ต.นาหมื่นศรี ก็เดินทางไปที่บ้านของ นายดำ โดยพบว่ากำลังคลุ้มคลั่งอยู่ จึงได้ร่วมกันนำตัวส่ง รพ.นาโยง ด้าน นางป๋อง เมื่อทราบข่าวว่าลูกชายจะต้องถูกส่งตัวไป รพ.จิตเวชสงขลาราชนครินทร์ ก็ได้เดินทางมาส่งขึ้นรถพยาบาล และเกาะประตูรถร่ำไห้อย่างน่าเวทนา โดยบอกกับลูกชายว่า ขอให้ไปรักษาตัว อย่าดื้อ พร้อมทั้งให้เห็นกับตนเองที่เป็นแม่ ซึ่งอยากให้ลูกกลับมาเป็นคนปกติ โดยไม่มีอาการคลุ้มคลั่ง หรือไม่ทำร้ายใครอีก
นางป๋อง กล่าวว่า ตนรู้สึกตกใจและกลัวมากๆ กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น สำหรับ นายดำ เป็นลูกชายคนที่ 1 และมีน้องชายอีก 2 คน โดย นายดำ ได้ประสบอุบัติเหตุถูกรถชนจนสมองกระทบกระเทือนมาตั้งแต่อายุ 16 ปี และไม่ทำงาน ซึ่งตนและสามีก็กรีดยางเลี้ยงดูมาโดยตลอด ต่อมาเมื่อปีที่แล้วสามีของตนได้ป่วยและเสียชีวิตลง ทำให้ตนต้องรับภาระเลี้ยงลูกเพียงลำพัง และต้องขายที่ดินที่นาจนเกือบหมด ตนเพิ่งจะมารู้ว่าลูกชายของตนติดยาเสพติดด้วย ทั้งกัญชา ยาบ้า พืชกระท่อม เหล้า และสิ่งเสพติดหลายชนิด จนทำให้เริ่มมีอาการทางสมอง และเริ่มหนักขึ้นในช่วง 5-6 เดือนมานี้ โดยขอเงินเยอะขึ้น
พร้อมทั้งคลุ้มคลั่ง ทำลายข้าวของ ทำร้ายตน ที่หนักสุดคือ ขอร่วมหลับนอน และเคยลอบเข้ามาหาตนถึง 2 ครั้ง โชคดีเอาตัวรอดมาได้ทุกครั้ง ทำให้ตนไม่กล้านอนที่บ้านตนเอง จนกระทั่งล่าสุดวันนี้ได้ทำอีก ตนจึงจำเป็นต้องแจ้งเจ้าหน้าที่ให้มารับตัวไปดำเนินการ เพราะคิดว่าขืนปล่อยลูกชายไว้แบบนี้ ตนอาจถึงอันตรายแก่ชีวิตได้
ด้านนายเจริญ กำนัน ต.นาหมื่นศรี กล่าวว่า ส่วนตัวตนรู้จักกับครอบครัวนี้เป็นอย่างดี แต่ด้วยพิษภัยของยาเสพติด ทำให้คนดีๆ ต้องกลายเป็นคนประสาทหลอน จนคลุ้มคลั่ง หรือคิดว่าจะมีคนมาทำร้ายตัวเองตลอดเวลา ทำให้คนที่อยู่ใกล้ชิดโดยเฉพาะพ่อแม่ต้องมารับกรรม ทั้งนี้ ตนรู้สึกหนักใจกับปัญหายาเสพติดในตำบล เพราะเป็นเส้นทางเชื่อมต่อกับหลายพื้นที่ โดยเฉพาะพืชกระท่อม และยาบ้า ที่ปัจจุบันยากต่อการควบคุม ขณะที่เจ้าหน้าที่บ้านเมืองก็รู้ แต่ยังไม่มีหลักฐานจับกุมได้ทั้งหมด