นายธิติ วิสาลักษณ์ ผู้อำนวยการสำนักวิจัยและพัฒนาการป่าไม้ กรมป่าไม้ ซึ่ง พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวรผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) ขอให้ตรวจสอบสาเหตุที่ต้นไม้ล้มพาดสายไฟ ทำให้เสาไฟฟ้าล้มทับประชาชนเสียชีวิต 1 รายบริเวณถนนชิดลม เปิดเผยว่า จากการเดินสำรวจเบื้องต้นพบว่าเขตพื้นที่ สน.ลุมพินี และถนนชิดลมมีต้นไม้ขนาดใหญ่หลายต้น โดยเฉพาะต้นจามจุรีที่คาดว่ามีอายุเกิน 30 ปี เสี่ยงที่จะหักโค่นได้ เนื่องจากมีสภาพผุกร่อน รากแก้วไม่สามารถขยายลึกลงไปในดิน
"กรมป่าไม้กำลังจะประสานเจ้าของอาคารในพื้นที่ดังกล่าว เพื่อให้ทีมรุกขกรเข้าไปฟื้นฟูอย่างเร่งด่วน อีกทั้งอาจต้องสำรวจ ตรวจสุขภาพต้นไม้ใหญ่ในเขตเมืองร่วมกับ กทม. เพื่อลดความเสี่ยงเหตุต้นไม้หักโค่น"นายธิติ กล่าว
นายธิติ เปิดเผยว่า สำหรับสาเหตุที่ต้นไม้ล้มทับสายไฟและเสาไฟฟ้าล้มทับประชาชนเสียชีวิตนั้น ต้นไม้ที่ล้มชื่อต้นลุงอ เป็นไม้สกุลไทร ล้มเนื่องจากรากแก้วเน่าและขาด 100% ส่วนรากแขนงขาดความสมดุล
พ.ต.อ.พรชัย ชลอเดช ผกก.สน.ลุมพินีกล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีการดำเนินคดีกับบุคคลใด เพราะต้องตรวจสอบรายละเอียดหลายด้านว่าเหตุการณ์ลักษณะนี้ จะมีผู้ใดเข้าข่ายกระทำการโดยประมาทหรือไม่ เพื่อให้เป็นบรรทัดฐานหากเกิดเหตุการณ์คล้ายกันอีก
ด้านครอบครัว น.ส.ณัชชาพัชร์ สมเจษ ผู้เสียชีวิต เดินทางมารับศพที่ภาควิชานิติเวชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพื่อนำไปประกอบพิธีทางศาสนา โดยไม่โทษว่าเป็นความผิดของผู้ใด ขอให้เป็นหน้าที่ของตำรวจในการตรวจสอบ
นายธีระวัฒน์ เทพอำนวยสุข ผู้ช่วยผู้ว่าการการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) กล่าวว่า ต้นไม้ที่หักลงมาทับสายไฟฟ้านั้นอยู่ในพื้นที่รับผิดชอบของอาคารอัลม่าลิงค์ เจ้าของอาคารจะเป็นผู้รับผิดชอบค่าเสียหายทั้งหมด และ กฟน.ได้มอบเงินเยียวยาครอบครัวผู้เสียชีวิตแล้ว 2 หมื่นบาท พร้อมเป็นเจ้าภาพจัดงานศพ 1 คืน