จากกรณี นายนิรันทร์ สร้อยสูงเนิน อายุ 25 ปี ที่หายตัวไประหว่างเดินทางกลับบ้านที่ จ.ชัยภูมิ ต่อมาจึงพบว่าถูกฆาตกรรม โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมผู้ก่อเหตุคือ นายหมูหยอง อายุ 18 ปี ซึ่งยอมรับว่าตนเป็นผู้ลงมือฆ่าชิงทรัพย์ ก่อนนำศพไปเผาฝังดินอำพรางคดี เนื่องจากต้องการนำเงินไปใช้จ่าย ทั้งนี้จากการตรวจสอบพบประวัติเคยก่อเหตุรุนแรงมาอย่างโชกโชน ตั้งแต่อายุ 14 ปี ก่อคดีฆ่าชิงทรัพย์ผู้อื่นมาแล้ว 2 ครั้ง
โดยในขณะให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ ผู้ก่อเหตุแสดงท่าทีไม่สะทกสะท้านแต่อย่างใด อีกทั้งยังเอ่ยปากขู่บุคคลต่างๆ จนเกิดเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก ถึงพฤติกรรมอันโหดเหี้ยมและเป็นอันตรายต่อสังคม
ล่าสุด นายหมูหยอง ได้ถูกส่งตัวไปคุมขังที่เรือนจำ จ.ชัยภูมิ เนื่องจากมีพฤติกรรมก้าวร้าวอย่างหนัก จนไม่สามารถใช้ชีวิตในสถานพินิจได้ โดยอธิบดีกรมราชทัณฑ์ได้สั่งการให้เรือนจำนำนักจิตวิทยาเข้าไปตรวจสภาพจิตใจ เพื่อประเมินว่ามีลักษณะอย่างไร ทั้งนี้ข้อมูลดังกล่าวจะทำให้เรือนจำสามารถควบคุมตัวได้อย่างถูกต้องและเพื่อรักษาหากมีอาการป่วย ซึ่งขณะนี้หมูหยองยังมีพฤติกรรมเรียบร้อยดี ไม่ได้สร้างความวุ่นวายใดๆ
ทนายสงกานต์ อัจฉริยะทรัพย์ ประธานเครือข่ายต่อต้านการบ่อนทำลายชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ กล่าวถึงคดีดังกล่าวว่า พฤติการณ์ของหมูหยองมีความเหี้ยมโหด เห็นได้จากการให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน ที่ระบุว่าการฆ่าคนเหมือนการฆ่ามดตัวนึง อีกทั้งยังไม่กล่าวขอโทษต่อครอบครัวผู้เสียชีวิต ดังนั้นจึงมองว่าหากเยาวชนมีการทำผิดซ้ำซากควรมีการขัดเกลาด้วยมาตรการณ์พิเศษแบบผู้ใหญ่ภายในเรือนจำ
ไม่มีเยาวชนในวัยเดียวกันคนไหนเหี้ยมโหดได้เกินหมูหยอง ขนาดพ่อเองยังโดนเตะสลบ การเยียวยาจึงเป็นไปได้ยาก อีกทั้งหมูหยองยังเป็นคนฉลาด เมื่อรู้ว่าตนเองผิดจึงยอมรับสารภาพเพื่อลดโทษ ดังนั้นหากพ้นโทษออกมาอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้คนในสังคม
ขณะที่นางบัวลี สร้อยสูงเนิน แม่ผู้เสียชีวิต แสดงความคิดเห็นว่า นายหมูหยองมีความโหดร้ายมากกว่าบุคคลทั่วไป อยากให้ได้รับโทษสูงสุดคือประหาร เพราะคิดว่าหมูหยองไม่มีทางที่จะกลับใจเป็นคนดีได้ และไม่อยากให้ไปก่อเหตุกับคนอื่นอีก หวังว่าลูกชายองตนเองจะเป็นคนสุดท้าย ไม่มีใครต้องตกเป็นเหยื่ออีก
"ทำไมคนชั่วแค่คนเดียว จึงไม่ตัดไฟตั้งแต่ต้นลม เพื่อให้คนดีได้รับใช้บ้านเมืองมากกว่านี้ เหตุการณ์ในลักษณะนี้หากไม่เป็นครอบครัว ไม่เป็นญาติ ไม่ทางรับรู้ถึงความเจ็บปวดนี้เลย สภาพศพของน้องติดตาติดใจมาก"
"ใครไม่เป็นแม่จะไม่รู้ถึงความเจ็บปวด หวังว่ารันจะเป็นคนสุดท้าย หมูหยองไม่มีทางเป็นคนดีได้ อยากให้เขาได้รับโทษสูงสุด อยากให้หยุดแค่นี้ ไม่อยากให้ไปทำกับใครอีก"
ด้าน น.ส.วาสนา เก้านพรัตน์ ผอ.มูลนิธิศูนย์พิทักษ์สิทธิเด็ก ระบุว่า คดีนี้ถือเป็นคดีตัวอย่างให้หน่วยงานรัฐฯ ต้องหันกลับมาทบทวนกระบวนการทำงาน ช่องทางการดำเนินการเยียวยาเด็กที่ก้าวพลาดกระทำความผิดกลับสู่สังคม โดยให้โอกาสคนๆ หนึ่งและส่งเขาไปเยียวยาในจุดที่ใช่ ทั้งนี้ ตนเองอ่านข่าวก็รู้สึกเจ็บปวดเช่นเดียวกัน เพราะมีความรุนแรงมาก ถึงอย่างไรตนเองอยากให้คุณแม่วางใจการทำงานของกระบวนการยุติธรรม และหมูหยองเองก็ต้องได้รับโทษจากการกระทำของตนเอง รวมทั้งการกระทำความผิดก่อนหน้านี้ด้วย
กระทู้ร้อนแรงที่สุดของวันนี้
กระทู้ล่าสุด
รูปเด่นน่าดูที่สุดของวันนี้
