ยังคงมีกระแสถกเถียงตามมากันอย่างต่อเนื่อง จากกรณีการให้สัมภาษณ์ของ นายเนติวิทย์ โชตภัทร์ไพศาล นิสิตคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ภายหลังได้รับเลือกเป็นประธานสภานิสิตจุฬาฯ ซึ่งมีการระบุถึงประเพณีถวายบังคมพระบรมรูปทรงม้า บริเวณลานพระราชวังดุสิต เนื่องในวันคล้ายวันเสด็จสวรรคตของ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ในวันปิยมหาราช 23 ตุลาคมของทุกปีว่า ควรมีการเปิดพื้นที่ให้คนที่ไม่อยากถวายบังคมแบบหมอบคลาน เปิดพื้นที่ให้เขายืนเคารพก็ได้ บางคณะยังบังคับกันอยู่ เราจะลงไปดูแล โดยภายหลังจากมีการเผยแพร่คำให้สัมภาษณ์ดังกล่าว ก็ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ตามมาอย่างมากมายเกี่ยวกับการแสดงท่าทีดังกล่าว
"บิ๊กตู่"ชี้เนติวิทย์ทำสถาบันเสื่อม
โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้กล่าวถึงเรื่องนี้เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคมว่า "ผมนึกเสียดายและเป็นห่วง เพราะเสียชื่อสถาบัน เมื่อผมไปต่างประเทศ ถ้าเขาบอกว่าไม่อยากอยู่ประเทศของเขา เขาจะให้ไปอยู่ที่อื่น ดังนั้นจึงต้องเคารพกฎหมาย ขอให้อยู่ร่วมกันอย่างสันติวิธี เสน่ห์ของเราต้องช่วยกันรักษา อย่าไปข้างหน้าแล้วทิ้งข้างหลัง สถานที่เที่ยวในประเทศไทยสร้างในสมัยก่อนทั้งนั้น ประวัติศาสตร์ที่ดีเป็นความภาคภูมิใจ ขอให้เก็บเอาไว้ อันไหนไม่ดีก็ขอให้อย่าทำอีก"
จุฬาฯลั่นไม่อยากทำก็ไม่ต้องไป
ขณะที่ นายบัญชา ชลาภิรมย์ รองอธิการบดีฝ่ายกิจการนิสิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า นายเนติวิทย์ เป็นนิสิตของจุฬาฯ สามารถแสดงความคิดเห็นและมีข้อเสนอแนะต่อมหาวิทยลัยได้ อย่างไรก็ตามประเพณีถวายบังคมพระบรมรูปทรงม้า ในวันที่ 23 ตุลาคมของทุกปีนั้น เป็นกิจกรรมที่จัดขึ้นโดยสำนักบริหารกิจการนิสิต ศูนย์พัฒนกิจและนิสิตเก่าสัมพันธ์ จุฬาฯ และตัวแทนมหาวิทยาลัย ซึ่งเปิดกว้างให้นิสิตและประชาชนหรือศิษย์เก่าที่ประสงค์จะเข้าร่วมกิจกรรม ไม่ได้เป็นการบังคับ นิสิตที่ไม่เข้าร่วมก็ไม่ถูกหักคะแนน และเมื่อประสงค์เข้าร่วมกิจกรรม ก็ต้องทำตามแบบแผนที่กำหนดไว้ คือการก้มกราบถวายบังคม
เตือนหัดรู้สถานะ-พูดให้ระวังปาก
นายบัญชา กล่าวว่า มีศิษย์เก่าโทรศัพท์เข้ามาสอบถามมากมาย ส่วนใหญ่จะแสดงความห่วงใยว่าหากเปลี่ยนแปลงวิธีการจะเป็นการรื้อวัฒนธรรมซึ่งส่วนใหญ่รับไม่ได้ ก่อนหน้านี้ นายเนติวิทย์ เป็นนักเคลื่อนไหวอิสระ สามารถแสดงความคิดเห็นได้อย่างอิสระ แต่ขณะนี้ นายเนติวิทย์ มีตำแหน่งประธานสภานิสิตจุฬาฯแล้ว มีหมวกที่สวมอยู่ ทั้งเป็นผู้นำองค์กร คงต้องระมัดระวังเรื่องพูดแสดงความคิดเห็น รวมทั้งต้องรู้บทบาทหน้าที่ของตนเองด้วย
ศิษย์เก่ารุมเฉ่งไม่ต้องโผล่หัวก็ได้
ผู้สื่อข่าวรายด้วยว่า วันเดียวกันนี้ยังมีกระแสความไม่พอใจเกิดขึ้นอย่างมากมายในกลุ่มศิษย์เก่าและศิษย์ปัจจุบันของ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยหลายคนได้ออกมาให้ความเห็นผ่านสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ โดยสรุปว่า หากนิสิตไม่ต้องการถวายบังคมพระบรมราชานุสาวรีย์รัชกาลที่ 5 ในวันปิยะมหาราช โดยขอให้เปลี่ยนเป็นยืนเคารพแทนนั้น ทางที่ดีที่สุด ก็คือ ไม่ต้องย่างกรายเข้ามาในบริเวณพระบรมรูปทรงม้าเพราะมหาวิทยาลัยไม่ได้บังคับอยู่แล้ว จะได้ไม่ต้องฝืนใจ
ด่าเจ็บ!อ้างแต่สิทธิไม่รู้จัก"กาละ-เทศะ"
นอกจากนี้อยากขอให้ นายเนติวิทย์ ขอบคุณมหาวิทยาลัยซึ่งถือกำเนิดมาจากพระราชปณิธาน ร.5 ที่ไม่ใส่ใจ และยังเปิดใจกว้างให้ได้ร่ำเรียนต่อไป
"ที่ใดมีประเพณีวัฒนธรรมของเขา ถ้าเราทำไม่ได้ก็อย่างเข้าไปยุ่ง ไม่ควรมุ่งแต่สิทธิของเรา ต้องคำนึงถึงสิทธิของผู้อื่นด้วย อย่าสะกดเป็นแต่คำว่าสิทธิ แต่สะกดคำว่ากาละและเทศะไม่ได้"
ฉะวันๆดีแต่สร้างกระแสขบถไปเรื่อย
"การแสดงตนเป็นขบถต่อประเพณี ไม่ได้ทำให้ดูเป็นคนมีหัวคิดนะครับ ทุกสิ่งเหมือนเหรียญสองด้านทำไมจึงมองโลกคับแคบด้วยแง่มุมเดียว คิดแต่ว่า ร.5 เลิกทาสแล้วตั้งคำถามว่าทำไมจึงยังหมอบกราบ เขาไม่เห็นหรือว่าขนบนี้มีประชาชนอีกมากที่แสดงความจงรักภักดีด้วยความยินดี ผมไม่ใช่สายคลั่งเจ้ายังไม่เคยตั้งคำถามตื้นเขินแบบนี้ อย่างน้อยก็ควรรู้ว่า ถ้า ร.5-ร.6 ไม่ทรงปฏิรูปการศึกษา วันนี้จะมีสถาบันที่ตัวเขาเองก็เลือกมาเรียนหรือไม่ วันๆดีแต่สร้างกระแสขบถไปเรื่อย ได้งอกคุณงามความดีแก่ชาติประการใดบ้าง"
ด่า"บิ๊กตู่"ยึดอำนาจน่าอายกว่าเยอะ
อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงเย็นวันเดียวกัน นายเนติวิทย์ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟสบุ๊คตอบโต้ พล.อ.ประยุทธ์ ว่า "ใครคือความอับอายของชาติ เมื่อผ่านการศึกษา ผ่านการอบรมมาแล้ว ฝึกวินัยมาแล้ว น่าจะรู้จักเคารพกติกาของบ้านเมือง ถ้าอยากเล่นการเมืองก็มาตั้งพรรคการเมืองสิ แต่ตัวเองกลับเล่นนอกกติกา ทำรัฐประหาร ยึดอำนาจ เท่านั้นยังไม่พอ ยังริดสอนสิทธิคนอื่นอย่างต่อเนื่อง สำหรับผมและคนรุ่นใหม่อีกหลายๆคน ท่านนายกรัฐมนตรีได้ ทำลายชื่อเสียงของประเทศไทยมาเกือบจะ 3 ปีแล้ว"
"กิตติรัตน์"ช่วยอวยไม่จบจุฬาอย่างยุ่ง
ด้าน นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง อดีตรองนายกรัฐมนตรี ได้โพสต์ข้อความกล่าวถึงกรณีดังกล่าว โดยตอบโต้พล.อ.ประยุทธ์ สั้นๆว่า "ผมจบจุฬา... ไม่เห็นเสียชื่อ คนไม่ได้เรียนจุฬาฯ ยุ่งอะไรด้วย..."
เช่นเดียวกับ รศ.ดร. เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาฯ โพสต์ข้อความระบุว่า โถๆๆ ไปเรียกร้องให้เด็กเค้าเคารพกฎหมาย แล้วใครล่ะฉีกกฏหมายก่อน แถมเค้ามาด้วยการเลือกตั้ง ผ่านระบบตัวแทนคณะด้วย ไม่ได้ยึดอำนาจมานะครับ ถถถถ ปล. เด็กเค้าไม่ได้จะยกเลิกพิธีหมอบกราบถวายสัตย์นะครับ (ซึ่งสมัยผมเรียน ไม่เห็นมีพิธีพวกนี้ซักหน่อย พึ่งมีมาไม่กี่ปีนี้เอง) เค้าแค่ขอสิทธิในการเลือกได้ ว่าใครจะแสดงความเคารพในแบบไหน ก็ให้เป็นสิทธิของคนๆ นั้น ... ไปเชื่อตามสื่อเสี้ยมทำมายยย