ดีเจ.เชาเชาโผล่ให้ปากคำตำรวจสายไหม คดีขับรถชนโจ๋ 18 เสียชีวิต โผกอดแม่คู่กรณี ก่อนยกมือไหว้ขอโทษ พร้อมมอบเงินช่วยเบื้องต้น 3 หมื่นบาท รับปากจะไปร่วมงานศพ ด้านแม่ยังติดใจ ไม่บอกแต่แรกว่าขับชน ดีเจ.ดังเผย เสียใจพร้อมเยียวยาฝ่ายคู่กรณี ส่วนรายละเอียด เรื่องราวทั้งหมด ขอแถลงวันที่ 5 พ.ค.นี้ ตร.เผยเร่งตรวจที่เกิดเหตุ พบขัดกับคำให้การของฝ่ายผู้ตาย ที่อ้างว่ามีคนโยนหินลงมาจากบนสะพานลอย ทำให้รีบขับรถหนีจนเกิดอุบัติเหตุ หากมีแข่งรถจริงจะมีผลต่อรูปคดี
กรณีนายชวลิต ศรีมั่นคงธรรม อายุ 41 ปี หรือ ?ดีเจ.เชาเชา? ขับรถเก๋งเลกซัสชนกับรถจักรยานยนต์ บริเวณถนนตัดใหม่วัชรพล-สุขาภิบาล 5 แขวงท่าแร้ง เขตบางเขน กทม. เมื่อกลางดึกวันที่ 27 เม.ย.ที่ผ่านมา นายจิรภาษ ธงอาษา อายุ 18 ปี ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์บาดเจ็บสาหัสถูกนำตัวส่งร.พ.ภูมิพล ก่อนเสียชีวิตในเวลาต่อมา นางสมควร ธงอาษา อายุ 50 ปี เข้าร้องทุกข์กับพ.ต.ท.ชัยณรงค์ แดงนกขุ้ม สว. (สอบสวน) สน.สายไหม ให้ช่วยติดตามคดี เนื่องจากยังไม่ได้รับการเยียวยาจากคู่กรณี และยังมีการแชร์ภาพดีเจ.เชาเชาขณะช่วยดูแลคนเจ็บ โดยระบุว่าเป็นพลเมืองดีที่ผ่านมาพบเหตุและลงไปให้ความช่วยเหลือ กระทั่งล่าสุดมีการเปิดเผยภาพจากกล้องวงจรปิดนาทีชน ทำให้เห็นว่ารถจักรยนยนต์ของหนุ่มคู่กรณีขับพุ่งออกมาขวางถนน ก่อนถูกรถเก๋งของดีเจ. เชาเชาพุ่งชน ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจนัดหมายให้มาพบเพื่อสอบปากคำในวันที่ 4 พ.ค.นี้ ตามที่เป็นข่าวไปแล้ว
ความคืบหน้าเมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 4 พ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศที่ สน.สาย ไหม มีผู้สื่อข่าวจากสำนักต่างๆ มาเฝ้ารอทำข่าวเป็นจำนวนมาก แต่ปรากฏว่าทางดีเจ. เชาเชาขอเลื่อนการเข้าพบพนักงานสอบสวนจากเดิม 10.00 น. เป็น 17.00 น. โดยให้เหตุผลว่าติดถ่ายรายการ
พ.ต.ท.ชัยณรงค์ แดงนกขุ้ม สว. (สอบ สวน) สน.สายไหม เปิดเผยว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจากกองกำกับการ 5 (ตรวจพิสูจน์, สถิติวิจัย) บก.จร. มาตรวจหาร่องรอยการชนของรถทั้ง 2 คัน เป็นที่ เรียบร้อยแล้ว ในเบื้องต้นพบว่าร่องรอยที่พบตรงกับตำแหน่งการชนของรถทั้ง 2 คัน โดยพบ ว่าจะปะทะจุดหลักคือบริเวณป้ายทะเบียน ทั้งนี้ ต้องรอผลการตรวจเป็นเอกสารประมาณ 2-3 วัน ก่อนจะนำมาประกอบในสำนวนอีกครั้ง
ต่อมาเวลา 12.30 น. พ.ต.อ.ธนกรณฑ์ ก้อนแก้ว ผกก.สน.สายไหม เผยว่า เมื่อวานนี้ (3 พ.ค.) ทางทนายความได้นำรถยนต์ยี่ห้อเลกซัสสีขาว ทะเบียน 2กฆ6789 กรุงเทพมหานคร ของดีเจ.เชาเชามามอบให้พนักงานสอบสวน ซึ่งทนายก็ยืนยันว่าดีเจ.เชาเชารับว่าขับรถชนจริง แต่ในรายละเอียดต้องรอสอบเจ้าตัวเอง ซึ่งในวันเกิดเหตุก็มีการลงบันทึกประจำวันว่าดีเจ.เชาเชาเป็นคู่กรณี อยู่ในเหตุการณ์ด้วยเท่านั้น และหลังจากเกิดเหตุดีเจ.เชาเชาก็อยู่กับเจ้าหน้าที่เพียง 2-3 ชั่วโมงเท่านั้น และให้การเพียงว่ารถมอเตอร์ไซค์เกี่ยวกันและกระเด็นมาโดนรถตนเอง ก่อนจะมายอมรับว่าชนในภายหลัง นอกจากนี้ จากการสอบถามพนักงานสอบสวนยืนยันว่าดีเจ.เชาเชาไม่ได้อยู่ในอาการมึนเมา จึงไม่จำเป็นที่จะต้องตรวจแอลกอฮอล์ และยังไม่ได้มีการสอบปากคำที่เป็นลายลักษณ์อักษร ดังนั้นจึงจำเป็นที่ดีเจ. เชาเชาจะต้องมาให้ปากคำ แต่ถ้าหากไม่มาตามนัดเวลา 17.00 น. ในวันพรุ่งนี้จะให้พนักงานสอบสวนออกหมายเรียกครั้งที่ 1 นอกจากนี้ยังเหลือกล้องวงจรปิดจากกรุงเทพ มหานครอีกตัวที่ส่องไปตรงจุดเกิดเหตุพอดี ซึ่งคาดว่าจะเป็นมุมที่จะเห็นชัดเจนกว่าว่าลักษณะการชนเป็นอย่างไร
พ.ต.อ.ธนกรณฑ์กล่าวต่อว่า และตอนนี้ได้สอบพยานไปแล้ว 2 ปาก คือเพื่อนของผู้ตายที่อยู่ในเหตุการณ์ ทั้งนี้จากคำให้การของเพื่อนผู้ตายให้การว่าในวันเกิดเหตุไปขับรถเล่น และได้ไปจอดพักที่บริเวณใต้สะพานลอย ถ.วัชรพลสุขาภิบาล 5 ตัดใหม่ แขวงท่าแร้ง เขตบางเขน กทม. ก่อนที่จะมีวัยรุ่นอีกกลุ่มขว้างก้อนหินลงมาจากสะพานลอย ทำให้ตกใจและเกรงว่าจะมีเรื่องกันจึงรีบขับรถออกมาจนทำให้เกิดเหตุดังกล่าว ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ไปตรวจสอบที่เกิดเหตุเห็นว่ามีหลายอย่างที่ขัดกับคำให้การ เพราะการที่จอดรถใต้สะพาน และมีคนโยนก่อนหินลงมาจากสะพาน จะต้องมีการปาก้อนหินในวิถีโค้งเท่านั้นจึงจะโดนกลุ่มรถจักรยานยนต์ที่จอดตรงจุดเกิดเหตุ
นอกจากนี้จากการตรวจสอบกล้องวงจร ปิดก่อนหน้าเกิดเหตุพบว่า ก่อนเกิดเหตุกลุ่มของผู้ตายนั้นได้มีการนัดรวมกลุ่มกับวัยรุ่นอีกจำนวนหนึ่ง และยังมีลักษณะของการแข่งรถอีกด้วย เนื่องจากมีการปล่อยรถออกไปเป็นคู่ๆ และขับกลับมาเป็นในลักษณะนี้อยู่ 2-3 รอบ ทั้งนี้ต้องตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง เพราะถ้าปรากฏว่ามีการแข่งรถกันจริงก็จะมีผลต่อการพิจารณาคดีด้วย เพราะการแข่งรถจะต้องมีการใช้ความเร็ว และอาจจะต้องมีการดำเนินคดีเกี่ยวกับการแข่งรถในทางสาธารณะกับกลุ่มเพื่อนผู้เสียชีวิตด้วย แต่ในส่วนของนายจิรภาษผู้เสียชีวิตนั้น คดีอาญานี้ได้ยุติลงเพราะถือว่าผู้ก่อเหตุได้เสียชีวิตไปแล้ว ซึ่งจะเป็นคนละส่วนกับคดีของดีเจ.เชาเชา อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่จะต้องทำการรวบรวมพยานหลักฐานทั้งจากเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน ในเรื่องร่องรอยการชน ความเร็วที่ใช้ขณะ เกิดเหตุ รวมไปถึงการสอบปากคำพยานและ ดีเจ.เชาเชาเองด้วย
ต่อมาเวลา 17.20 น. ดีเจ.เชาเชา พร้อมทนายความได้เดินทางมาที่สน.สายไหม เพื่อเข้าให้ปากคำกับพ.ต.ต.ชัยณรงค์ ตามที่นัดหมาย โดยเมื่อพบกับนางสมควร ธงอาษา อายุ 50 ปี แม่ของนายจิรภาษ ผู้เสียชีวิต จึงเข้าไปสวมกอดแล้วยกมือไหว้ขอโทษและเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนมอบเงินสดจำนวน 30,000 บาท เพื่อช่วยงานศพ พร้อมกล่าวว่า "อยากให้คุณแม่รับไว้เพราะมันเป็นเรื่องของมนุษยธรรม อยากให้คุณแม่รับไว้เพราะผมอยากช่วย ผมเองก็ไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ อันนี้ไม่มีผลต่อรูปคดี" เมื่อเห็นว่านางสมควรยังไม่ยื่นมือมารับดีเจ.เชาเชาก็บอกว่า "ผมไม่อยากให้เกิดขึ้นครับ" นางสมควรจึงหันไปขอความคิดเห็นจากนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร ทนายความ ซึ่งได้บอกว่าสามารถรับเงินก้อนดังกล่าวได้ เพื่อนำมาเป็นค่าใช้จ่ายในงานศพ ไม่ อย่างนั้นก็ต้องไปกู้หนี้ยืมสินมาจัดงานศพลูก
ด้านนางสมควรเผยว่า ยังมีความติดใจอยู่นิดหน่อย เพราะถ้าทางดีเจ.เชาเชาต้องการจะรับผิดชอบจริง ควรจะไปงานศพตั้งแต่วันแรก และถ้าไม่มีสื่อนำเสนอข่าว ก็คงไม่ยอมออกมา ซึ่งลูกชายตนตอนมีชีวิตก็เป็นคนไม่ยอมใคร ถึงตายเป็นวิญญาณแล้วก็คงไม่ยอมเหมือนกัน แต่ถ้าจะไปที่งานศพหลังจากนี้ตนก็ยินดี และอยากจะอยู่รอคุยซึ่งๆ หน้าก่อนจะกลับ เพราะอยากรู้ในสิ่งที่ยังค้างใจอยู่
ขณะที่ดีเจ.เชาเชากล่าวว่า ก่อนอื่นต้องขอโทษนักข่าวทุกคนที่ทำให้เสียเวลา ตามมาหลายๆ วัน บอกเลยว่าช็อกเหตุการณ์ที่เกิดจึ้น ไม่เคยเกิดปัญหาแบบนี้ในชีวิต บางครั้งนัดกันคลาดเคลื่อน พี่ๆ เจ้าหน้าที่ก็นัดกะทันหัน วันนี้ที่มาให้ปากคำ เป็นหน้าที่ที่ต้องทำอยู่แล้ว ส่วนการเยียวยา ตนเป็นมนุษย์เหมือนกัน ก็ยินดีที่จะเยียวยา ตนก็รู้ว่าการสูญเสียเป็นยังไง ฝ่ายคุณแม่ ตนจะเยียวยาให้เต็มที่ สิ่งที่เกิดขึ้นไม่อยากให้เกิดขึ้น ส่วนเรื่องราวทั้งหมด พรุ่งนี้ (วันที่ 5 พ.ค.) เวลา 11.00 น. รบกวนพี่ๆ ตนจะชี้แจงทั้งหมดอีกครั้ง ส่วนวันนี้ขอให้ปากคำกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก่อน
"เหตุการณ์วันนั้นเกิดขึ้นกระชั้นชิดมากและเร็วมาก ผมขับมารถตามปกติ จากนั้นก็มีมอเตอร์ไซค์พุ่งมา และก็เห็นว่ามีคนเจ็บจึงลงจากรถไปช่วย ตอนนั้นเห็นว่ามีมอเตอร์เต็มไปหมด ไม่รู้ว่าเค้ามาทำอะไรกัน ที่บอกว่าผมพยายามหนีจากนั้นเพื่อนของคู่กรณีจึงขับรถมาขวางไว้นั้น ที่ต้องขยับรถเพราะเกรงว่ารถจะมาชนท้าย ส่วนหลักฐานเป็นทางทนายดีกว่า ขอชี้แจงเท่านี้ เรื่องงานศพยินดีที่จะไป และอยากจะเป็นเจ้าภาพงานศพ อยากจะคุยกับคุณแม่ผู้เสียชีวิต โดยพรุ่งนี้จะไปร่วมงานศพ และเบื้องต้นมอบเงินช่วยเหลือให้ 30,000 บาทก่อน" ดีเจ.เชาเชากล่าว
ต่อมาเวลา 20.30 น. พ.ต.อ.ธนกรณฑ์เปิดเผยว่า ทางเจ้าหน้าที่ได้เรียกประชุมพิจารณาแล้วเห็นว่า ดีเจ.เชาเชามีส่วนร่วมในความประมาทด้วย แม้จะมองว่าเป็นการระมัดระวังแล้วแต่ก็ยังไม่เพียงพอ จึงมีการแจ้งข้อกล่าวหา 3 ข้อหาประกอบด้วย ข้อหาขับขี่รถโดยประมาทเป็นเหตุให้ทรัพย์สินผู้อื่นเสียหายและเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต ข้อหาขับขี่รถโดยไม่มีใบอนุญาตขับขี่ และข้อหาขับรถโดยไม่จัดทำพ.ร.บ.ผู้ประสบภัยทางรถ ซึ่งข้อหาขับขี่รถโดยประมาททางดีเจ.เชาเชาให้การภาคเสธ ว่าได้ขับขี่รถและมีเกิดการชนกันเกิดขึ้น แต่ไม่ได้ขับขี่รถโดยประมาท เนื่องจากฝ่ายตรงข้ามขับรถตัดหน้าออกมา จึงทำให้หยุดรถไม่ทันและเกิดอุบัติเหตุดังกล่าว ทั้งนี้จากการตรวจสอบ ดีเจ.เชาเชาไม่ได้ต่อใบอนุญาตขับขี่มามากกว่า 1 ปีแล้ว