คดีตุ๋นยังระบาด คราวนี้อ้างเป็นองค์เทพสุพรรณิกา ชักชวนเพื่อนในเฟซบุ๊ก ร่วมออมเงิน โดยให้โอนเงินมาให้เฉยๆ แล้วจะให้ค่าตอบแทนร้อยละ 12-50 แบ่งจ่ายเป็นช่วงเวลา 10-15-25-30 วัน มีเหยื่อหลงเชื่อกว่า 140 คน เสียหายกว่า 16 ล้านบาท ส่วนอีกคดีบก.ปอศ.จับหนุ่มหลอกลงทุนธุรกิจท่องเที่ยวแบบแชร์ลูกโซ่ เสียหาย 250 ล้านบาท ขณะที่เจ้าตัวให้การปฏิเสธ ขอสู้คดีในชั้นศาล
เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 3 พ.ค. ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) นายเต้ย (นามสมมติ) พร้อมกลุ่มผู้เสียหายอีก 20 คน พร้อมนำเอกสารข้อความการสนทนาในเฟซบุ๊กและไลน์ เข้าแจ้งความกับ ร.ต.อ.ภิภพ กลมกลึง รอง สว.สอบสวน กก.2 บก.ปอท. หลังถูกน.ส.สุพรรณิการ์ นรศรี หรือน้ำตาล หลอกให้ออมเงินผ่านทาง เฟซบุ๊ก และแอพพลิเคชั่นไลน์ จนมี ผู้เสียหายทั้งหมดกว่า 140 คน รวมมูลค่าความเสียหายรวมกว่า 16 ล้านบาท
โดยหนึ่งในผู้เสียหาย เปิดเผยว่า รู้จัก น.ส.สุพรรณิการ์ เนื่องจากอยู่ในกลุ่มที่แต่งรถยนต์ในเฟซบุ๊กเหมือนกัน จนเมื่อปี 2559 น.ส.สุพรรณิการ์ เริ่มเชิญชวนเพื่อนในกลุ่มให้ร่วมออมเงิน โดยให้อัตราดอกเบี้ยสูง ตั้งแต่ ร้อยละ 12 สูงสุดถึงร้อยละ 50 จ่ายผลตอบแทนในช่วงเวลา 10 วัน 15 วัน 25 วัน และ 30 วัน ช่วงแรกได้รับเงินและดอกเบี้ยจริง กระทั่งต้นเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา กลับ ไม่ได้รับเงินตามที่ตกลงกันไว้ ซึ่งตนสูญเงินในครั้งนี้ประมาณ 2 แสนบาท
ต่อมาภายหลังว่าทราบว่ามีผู้เสียหายรายอื่นโดนเช่นเดียวกัน และบางรายสูญเงินสูงถึง 1,300,000 บาท จึงพยายามรวมกลุ่มกันได้กว่า 140 คน เพื่อตามหาตัว น.ส.สุพรรณิการ์ ทั้งที่พักในจ.มหาสารคาม และที่บ้านเกิด อ.พังโคน จ.สกลนคร แต่ก็ยังไม่พบตัว จึงตัดสินใจเดินทางมาแจ้งความที่ปอท. พร้อมทั้งฝากเตือนประชาชนอย่าหลงเชื่อการกระทำในรูปแบบดังกล่าว แม้จะมีคนมาแนะนำเป็นคนรู้จักก็ตาม
ทั้งนี้ น.ส.สุพรรณิการ์ นรศรี และที่เรียกกันว่า องค์เทพสุพรรณิการ์ เนื่องจาก ผู้ต้องหามีพฤติการณ์แอบอ้าง ทำตัวเป็นองค์เทพ และมีให้เช่า บูชา วัตถุมงคลต่างๆ ด้วย
วันเดียวกัน พล.ต.ต.ปิยะพันธ์ ปิงเมือง ผบก.ปอศ. พร้อมด้วย พ.ต.อ.ปภัชเดช เกตุพันธ์ รอง ผบก.ปอศ. พ.ต.อ.พุฑฒิพงศ์ มุสิกูล รอง ผบก.ปอศ. พ.ต.อ.ทัศน์ภูมิ จารุปรัชญ์ ผกก.5 บก.ปอศ. พ.ต.ท.พรศักดิ์ พิทยารัตน์ รอง ผกก.5 บก.ปอศ. และเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.5 บก.ปอศ. ร่วมกันจับกุมตัวนายปริญญา หรือโอม บุรัสการ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 1021/2560 ลงวันที่ 26 เมษายน 2560 ในข้อหา "ร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน"
พ.ต.อ.ปภัชเดช กล่าวว่า ทั้งนี้สืบเนื่องจากมีกลุ่มผู้เสียหายจากการถูกหลอกลวงให้ลงทุนธุรกิจการท่องเที่ยวในลักษณะแชร์ลูกโซ่ เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน กก.5 บก.ปอศ. ให้ดำเนินคดีกับนายปริญญา หรือโอม บุรัสการ เจ้าของบริษัท ไนซ์ เดย์ ทราเวล จำกัด พร้อมพวก ซึ่งได้ดำเนินธุรกิจรับจองที่พักโรงแรม ธุรกิจน้ำดื่มไอวี่ รวมทั้งการลงทุนในธุรกิจอื่นๆ โดยระดมทุนจากเพื่อนสมาชิกที่รู้จักกันสมัยเรียนมัธยม และมหาวิทยาลัยที่ตนเองเคยศึกษาอยู่ ประมาณ 250 ราย ซึ่งแต่ละรายจะนำเงินมาลงทุนประมาณ 1 ล้านบาท โดยอ้างว่ามีค่าตอบแทน 6-15 เปอร์เซ็นต์ต่อเดือน จ่ายเงินปันผลทุกๆ 30 วัน
พ.ต.อ.ปภัชเดช กล่าวต่ออีกว่า ต่อมาเมื่อประมาณปลายเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา นายปริญญาแจ้งกับสมาชิกทุกคนว่าจะปิดบริษัท เพราะเริ่มหมดสัญญากับเอเจนซี่ทัวร์ และจะคืนเงินลงทุนทั้งหมดให้สมาชิก แต่ปรากฏว่าเมื่อถึงกำหนด สมาชิกไม่ได้รับเงินคืนตามที่ผู้ต้องหากล่าวอ้าง เมื่อสอบถามนายปริญญาได้อ้างว่า นำเงินของสมาชิกไปลงทุนต่อกับคนรู้จักในธุรกิจการรับจองโรงแรมเช่นเดียวกัน และบุคคลดังกล่าวนำเงินที่ได้ลงทุนหลบหนีไป แต่ทางกลุ่มผู้เสียหายไม่เชื่อในคำกล่าวอ้างของนายปริญญา จึงติดตามทวงถามเงินที่ลงทุนไป
จนกระทั่งพบว่า นายปริญญา ปิดบริษัทและหลบหนีไป รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 250 ล้านบาท หลังผู้เสียหายรวมตัวเข้า แจ้งความ เจ้าหน้าที่ กก.5 บก.ปอศ. จึงสืบสวนจนทราบว่านายปริญญา พักอาศัยอยู่ในเขต อ.เมือง จ.นครปฐม จึงจัดกำลังฝ่ายสืบสวนลงพื้นที่กดดันจนกระทั่งนายปริญญา ตัดสินใจเดินทางเข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา
ทั้งนี้นายปริญญา ให้การปฏิเสธ และไม่ขอให้การใดๆ โดยจะขอให้การในชั้นศาล เบื้องต้นพนักงานสอบสวนได้ควบคุมตัวไว้ดำเนินคดีในข้อหาร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พร้อมกับประสานไปยังสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เนื่องจากความผิดดังกล่าวเข้าข่ายการฟอกเงิน ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป