เอเอฟพีรายงานวันที่ 3 พ.ค. ว่า เฟซบุ๊กประกาศว่าจ้างทีมงานเพิ่มอีก 3,000 ตำแหน่งเพื่อคอยตรวจจับและลบเนื้อหาความรุนแรงออกจากหน้าเพจเว็บไซต์ หลังจากเกิดคดีสังหารและคดีฆ่าตัวตายผ่านการถ่ายทอดสดหรือไลฟ์ผ่านเฟซบุ๊กมาแล้วเป็นที่สะเทือนขวัญและสะเทือนใจผู้คน
"ถ้าเราจะเป็นชุมชนที่ปลอดภัย เราจะต้องรับมือได้เร็ว เราจะทำงานให้การรายงานวิดีโอที่มีเนื้อหาลักษณะนี้ได้ง่ายขึ้น เพื่อเราจะได้จัดการได้เร็วขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องตอบสนองคนที่ต้องการความช่วยเหลือเร่งด่วน หรือลบโพสต์ออกไป" มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ซีอีโอของเฟซบุ๊ก กล่าว
การเพิ่มสตาฟใหม่อีก 3,000 คนนี้จะทยอยเพิ่มไปตลอดปีนี้ เป็นการเพิ่มถึง 2 ใน 3 จากปัจจุบันทีมทีมงานเฟซบุ๊กมีอยู่แล้ว 4,500 คน
คำประกาศของซักเคอร์เบิร์กมีขึ้นหลังจากกรณีของพ่อที่จ.ภูเก็ต ประเทศไทย สังหารลูกสาวตัวน้อยของตนเองแล้วฆ่าตัวตายตาม และคดีก่อนหน้านั้น เกิดคดีชายชาวอเมริกันไปไล่สุ่มยิงชายชราพร้อมไลฟ์ทางเพจเฟซบุ๊ก ก่อนที่ผู้ก่อเหตุจะฆ่าตัวตายระหว่างหนีการติดตามของตำรวจ
"เราเห็นคนที่ทำร้ายตัวเองและคนอื่นทางเฟซบุ๊ก ไม่ว่าจะเป็นไลฟ์ หรือวิดีโอที่โพสต์หลังจากนั้น มันเป็นเรื่องทำร้ายจิตใจ และผมต้องการทำให้เห็นว่า เราจะทำให้ชุมชนของเราดีขึ้นอย่างไร" ซักเคอร์เบิร์กล่าว
ซีอีโอเฟซบุ๊กกล่าวด้วยว่า การช่วยกันตรวจสอบจะช่วยทำให้ทีมงานลบเนื้อหาที่ไม่ควรอยู่ในเฟซบุ๊กได้ดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเฮตสปีช ข้อความที่แสดงถึงความเกลียดชัง หยามเหยียด หรือการใช้ประโยชน์กับเด็ก ซึ่งเฟซบุ๊กจะทำงานร่วมกับกลุ่มในชุมชนและเจ้าหน้าที่ตำรวจ หากมีใครทำอันตรายกับตนเองหรือผู้อื่น
กระทู้ร้อนแรงที่สุดของวันนี้
กระทู้ล่าสุด
รูปเด่นน่าดูที่สุดของวันนี้
