นายเกรียงไกร เธียรนุกุล รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ได้กล่าวว่า ข้อเสนอนักวิชาการที่ต้องการให้ปรับขึ้นค่าแรงเป็น 410 บาทต่อวันภายใน 3 ปีนั้น มองว่า มีความเป็นไปได้ เพราะทิศทางของอุตสาหกรรมไทยกำลังเข้าสู่อุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูง มูลค่าเพิ่ม ทำให้ผู้ประกอบการไทยต้องปรับตัวและใช้แรงงานที่มีศักยภาพสูง
ดังนั้น ค่าแรง 410 บาทต่อวัน จึงไม่ถือว่าสูงเกินไป ขณะเดียวกันอีก 3 ปี คาดว่าค่าครองชีพของคนไทยมีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้น ค่าแรงดังกล่าวจึงน่าจะเหมาะสม โดยกลุ่มอุตสาหกรรมที่น่าห่วง คือ กลุ่ม ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมเข้มข้น อนาคตต้องย้ายฐานการผลิตไปประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อลดต้นทุนการผลิต และอีกกลุ่มที่น่าห่วง คือ ผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) มีต้นทุนการจ้างงานไม่สูงนัก และหากมุ่งผลิตสินค้ามูลค่าสูงก็อาจไม่มีความพร้อม กลายเป็นอุปสรรคในการประกอบกิจการ
ส่วนทางด้านนายพจน์ อร่ามวัฒนานนท์ นายกสมาคมอาหารแช่เยือกแข็งไทย กล่าวว่า การปรับขึ้นค่าแรงต่อวันเป็น 410 บาท ถือว่าอยู่ในระดับที่สูงไป เพราะปัจจุบันการปรับเพิ่มขึ้นค่าแรงขั้นต่ำต่อวันเป็น 310 บาทแล้ว ถือว่าห่างจาก 410 บาท ดังนั้นในปัจจุบันและแนวโน้มในอนาคตควรใช้การพิจารณาปรับขึ้นค่าแรงตามทักษะฝีมือแรงงานในแต่ละกลุ่มอาชีพ เพื่อให้แรงงานมีการพัฒนาฝีมือและช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตของประเทศในภาพรวม ให้สามารถแข่งขันได้