เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 25 เม.ย. ที่ห้องพิจารณาคดี 709 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา คดีหมายเลขดำ อ.4407/2552 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 9 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายสุรชัย หรือคณิศร วิวัฒนชาติ ฉายา "เอ็ม พญาไท" อายุ 41 ปี และนางธนวรรณหรือเดือน อุดมมีชัย หรือคล้ายแพร อายุ 50 ปี ภรรยา เป็นจำเลยที่ 1-2 ฐานร่วมกันข่มขืนกระทำชำเรา, ข่มขืนใจผู้อื่นให้จำยอมต่อสิ่งใดฯ, หน่วงเหนี่ยวกักขังและ พ.ร.บ.อาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนฯ พ.ศ.2490
กรณีระหว่างวันที่ 19 เมษายน-10 สิงหาคม 51 จำเลยที่ 1 ใช้อาวุธปืน บังคับข่มขู่ น.ส.ยุ้ย (นามสมมติ) ผู้เสียหาย ซึ่งเป็นพนักงาน หจก.อินเตอร์เนชั่นแนล ดีเทคทีฟ บริษัทของจำเลย แล้วจำเลยที่ 1 ได้ข่มขืนกระทำชำเรา ผู้เสียหายหลายหน พร้อมข่มขู่จะนำรูปภาพและวีดิโอที่จำเลยที่ 1แอบถ่ายขณะมีเพศสัมพันธ์กับผู้เสียหาย ไปเผยแพร่โดยมีจำเลยที่ 2 ร่วมขู่เข็ญผู้เสียหายด้วย
โดยคดีนี้ จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธต่อสู้คดีมาตลอด ขณะที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ให้จำคุกนายสุรชัยหรือเอ็ม พญาไท จำเลยที่ 1 รวมโทษทุกข้อหาทุกกระทงไว้ 50 ปี และปรับ 1,050 บาทตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ
ส่วนนางธนวรรณ ภรรยา จำเลยที่ 2 ให้จำคุก 10 ปี ฐานเป็นผู้สนับสนุนกระทำผิด แต่ในชั้นอุทธรณ์จำเลยที่ 2 ไม่มาฟังคำพิพากษาศาลจึงออกหมายจับเมื่อปี 2557 และสั่งปรับนายประกันไปแล้ว 1 ล้านบาท จนถึงขณะนี้ชั้นฎีกานางธนวรรณ ก็มีพฤติการณ์หลบหนี ไม่มาฟังคำพิพากษาอีก
โดยวันนี้ ศาลเบิกตัว นายสุรชัย จำเลย ที่ 1 มาจากเรือนจำ เพื่อฟังคำพิพากษาศาลฎีกา หลังจากต้องเลื่อนนัดฟังคำพิพากษาฎีกาถึง 2 ครั้งเนื่องจากครั้งแรกจำเลยที่ 2 ไม่ได้รับหมายและไม่มาศาลตามนัด ดังนั้นวันนี้เมื่อ นางธนวรรณ ภรรยาของเอ็ม พญาไท จำเลยที่ 2 ยังไม่มาอีก ศาลจึงอ่านคำพิพากษาฎีกาลับหลังจำเลยที่ 2
ทั้งนี้ ศาลฎีกา พิจารณาแล้ว เห็นควรแก้ปรับบทลงโทษจำเลยที 1 ที่กระทำผิดต่อกฎหมายหลายบท จากลงโทษฐานกักขังหน่วงเหนี่ยว ตาม ม.310 วรรคแรก ให้เป็นจำคุกฐานข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่นโดยใช้กำลังฯ ม.276 วรรคแรก ซึ่งเป็นบทหนักสุด โดยยังคงให้กำหนดโทษจำคุกจำเลยที่ 1 ตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้จำคุก 50 ปี ส่วน ภรรยานายสุรชัย จำเลยที่ 2 ให้ยกฟ้อง
ภายหลัง น.ส.รัศมี ไวยเนตร ทนายความของผู้เสียหายที่เป็นโจทก์ร่วมด้วยนั้น กล่าวหลังจากร่วมฟังคำพิพากษาฎีกาว่า คดีอาญาจบแล้ว ฝ่ายผู้เสียหาย จะพิจารณากฎหมายเพื่อจะฟ้องแพ่งเรียกค่าเสียหายต่อไป ส่วนจำเลยที่ 2 ศาลยกฟ้อง ตนจะไปตรวจดูรายละเอียดคำพิพากษาฎีกาทั้งหมดเพื่อศึกษาข้อกฎหมายอีกคครั้ง
ย้อนรอย...นาทีนักสืบสาวล่อจับ"แรมบ้า"กามวิตถาร
เที่ยงตรงวันที่ 29 มกราคม ตำรวจ บก.ปดส.กว่า 10 นาย นำโดย พ.ต.อ.ณพวัฒน์ อารยางกูร ผกก.1 บก.ปดส. พ.ต.ท.คณธัช มุสิกานนท์ รอง ผกก.2 บก.ปดส. และ ร.ต.อ.โรจน์ศักดิ์ นัยผ่องศรี รอง สว.กก.1 บก.ปดส.กระจายกำลังล้อมรอบร้านอาหารโออิชิ สาขาพหลโยธิน แขวงจอมพล เขตจตุจักร กทม.
กระทั่งบ่ายโมงตรง รถบีเอ็มดับเบิลยู สีดำทมึน วิ่งมาจอดสนิทภายในลานจอดรถของร้าน สักครู่ชายร่างอ้วนผมสั้นเกรียน สวมกางเกงยีนส์สีดำ เสื้อยืดสีดำ คลุมแจ๊คเก็ตสีครีมเดินหอบเอกสารอุ้ยอ้ายลงมา
"น้องดูดีๆใช่ไอ้นี่หรือเปล่า" ร.ต.อ.โรจน์ศักดิ์ ถามหญิงสาว อายุ 22 ปี นักศึกษาปริญญาโท มหาวิทยาลัยเอกชนชื่อดังแห่งหนึ่ง เหยื่อกามวิตถาร นายสุรชัย วิวัฒนชาต หรือ เอ็ม วัย 33 ปี เจ้าของบริษัท อินเตอร์เนชั่นแนล ดีเทคทีฟ ไทยแลนด์ จำกัด
"ใช่ค่ะ ไม่ผิดตัวแน่" เสียงหญิงสาวแหบพร่าและสั่นเครือตอบกลับมา
"เป้าหมายมาแล้ว ชาร์ตได้" พ.ต.อ.ณพวัฒน์ ออกคำสั่ง ไม่กี่อึดใจ นายสุรชัย ก็ตกอยู่ในการควบคุมของเจ้าหน้าที่
"มีอะไรหรือครับ" นายสุรชัย ถามด้วยอาการงุนงงสงสัย
พ.ต.อ.ณพวัฒน์ จึงชูหมายจับศาลอาญาที่ 233/2552 ลงวันที่ 27 ม.ค.2552 ในข้อหาร่วมกันข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่นโดยใช้กำลังประทุษร้าย, ข่มขืนใจให้ผู้อื่นกระทำการ หรือไม่กระทำการใดโดยใช้กำลังประทุษร้าย, หน่วงเหนี่ยวกักขัง, ใส่ความผู้อื่นให้เสื่อมเสียชื่อเสียงต่อบุคคลที่สาม และหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา ให้ดูผู้ต้องหาถึงบางอ้อก่อนพูดยียวนกลับว่า
"พี่น่าจะโทรบอกผมก่อน จะได้เข้ามอบตัว"
จากการตรวจค้นร่างกายพบ อาวุธปืนยี่ห้อสมิธแอนด์เวสสัน ขนาด 9 มม. บรรจุกระสุนหัวระเบิด 12 นัด ขึ้นลำกล้องพร้อมยิง วิทยุสื่อสารฟังความเคลื่อนไหวเจ้าหน้าที่ 1 เครื่อง และมีดพับอีก 1 เล่ม นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังยึดบัตร บัตรประจำตัวที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ หนังสือพิมพ์ Polie News บัตรประจำตัวเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการปัญหาเส้นเขตแดนและการข่าวความมั่นคงสากล กอ.รมน. และบัตรประจำตัวเจ้าหน้าที่ข่าวลับ มณฑลทหารบกที่ 11 ไว้อีกด้วย
นี่เป็นแผนขุดบ่อล่อปลาแสล้งให้ตำรวจหญิงโทรศัพท์ว่าจ้างให้ บริษัทนักสืบของนายสุรชัย สืบเรื่องสามีมีเมียน้อย จึงมีการนัดหมายพูดคุยรายละเอียด กระทั่งผู้ต้องหาหลวมตัวติดกับที่ล่อไว้ จากนั้น กำลังอีกส่วนหนึ่ง เข้าซุ่มโป่งรอบบริเวณบ้านเลขที่ 169/56 ซอยช่างอากาศอุทิศ 10 แยก 1 แขวงสีกัน เขตดอนเมือง ซึ่งเป็นที่ตั้งของบริษัท อินเตอร์เนชั่นแนล ดีเทคทีฟ ไทยแลนด์ จำกัด และเปิดเป็นศูนย์พัฒนานักสืบสากล ซึ่งบ้านดังกล่าวอยู่ในโครงการหมู่บ้านจัดสรร สูง 2 ชั้น มีรั้วรอบขอบชิด และไม่สามารถมองเห็นจากภายนอกได้ ด้านนอกมีสุนัขพันธุ์ไซบีเรียนฮ็อกกี้ ถูกขังไว้หน้าบ้าน 1 ตัว ระหว่างนั้นพบพนักงานขับรถส่งเอกสาร กำลังนำเอากระเป๋าสีดำ เดินทางออกจากบริษัทดังกล่าวจึงเรียกมาตรวจค้น พบแส้ 1 อัน ซีดีกามวิตถารประมาณ 100 แผ่น ซึ่งบางส่วนมีการเขียนเลขรหัสกำกับไว้ จากการตรวจสอบดูเป็นภาพผู้ต้องหากำลังมีเซ็กซ์แบบวิตถารกับผู้หญิงอีกด้วย นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัว พนักงานสาวของบริษัทดังกล่าว พร้อมทั้งนำตัวไปเอาซีพียู ของบริษัทที่นำไปซุกซ่อนย่านดอนเมือง
และจากการตรวจค้นบริษัทพบอาวุธปืนสั้นขนาดต่างๆ จำนวน 4 กระบอก และกระสุนขนาด .38 มม.อีก 100 นัด ซุกซ่อนอยู่ในตู้เซฟ
ทั้งนี้ เมื่อต้นเดือน สิงหาคม 2551 หญิงสาวคนดังกล่าวพร้อมผู้ปกครองเข้าแจ้งความ พนักงานสอบสวน บก.ปดส.ว่าถูกนายสุรชัย ข่มขืนแบบซาดิสวิตถาร หนำซ้ำยังถ่ายคลิปเก็บไว้แบล็คเมลล์ บังคับหลับนอนอีกหลายครั้ง เหตุเกิดตั้งแต่เดือน เมษายน 2551 เรื่อยมา
เหยื่อกามวิปริต เล่าว่า เข้าทำงานที่บริษัท ของ นายสุรชัย แล้วถูกเรียกใช้ไปช่วยงานสืบสวนลูกค้ารายหนึ่ง แต่นายสุรชัย กลับพาไปทานอาหารค่ำที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งย่านเกษตรนวมินทร์
"เมื่อดื่มน้ำไปหนึ่งแก้วก็รู้สึกมึนหัวและหมดสติ มารู้สึกตัวอีกครั้ง ก็พบว่าตัวเองอยู่ในสภาพเปลือยกายล่อนจ้อนภายในห้องนอน ที่บ้าน ของ นายสุรชัย ย่านดอนเมือง จากนั้นนายสุรชัย ได้นำภาพถ่าย และคลิปวิดีโอที่บันทึกไว้ขณะข่มขืนมาให้ดู พร้อมข่มขู่ไม่ให้นำเรื่องไปบอกกล่าวเล่าใคร" เหยื่อกามโฉดกล่าว
เหยื่อกามโฉดเล่าอีกว่า นายสุรชัย ใช้ภาพเหล่านั้น ขู่บังคับให้มาร่วมหลับนอนด้วยกันหลายต่อหลายครั้ง ซึ่งแต่ละครั้งก็จะถูกกระทำในลักษณะซาดิสด์ เช่นเฆี่ยนตีด้วยแส้ และเปิด ซีดี วิตถาร หรือที่เรียกว่า หนังซาดิสม์ใต้ดินของญี่ปุ่น ซึ่งไม่มีขายตามท้องตลาด ให้ดูก่อนจะทำตามบทบาทในหนัง บางครั้งก็มีเซ็กแบบสวิงกิ้งพร้อมกับ นางธนวรรณ คล้ายแพร อายุ 43 ปี เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลเรือนจำคลองเปรม ภรรยานายสุรชัย
นอกจากนี้ ยังมีการเรียกเพื่อนๆ มาร่วมวงสวิงกิ้งด้วย จนทนไม่ไหวพยายามตีตัวออกห่าง แต่ก็ถูกนายสุรชัย นำภาพไปประจานด้วยการส่งคลิปให้กับเพื่อนสาวของผู้เสียหายดู รวมทั้งโทรศัพท์ข่มขู่คุกคามต่างๆ นานา สุดท้ายจึงเข้าแจ้งความกับตำรวจ บก.ปดส.
จากการสอบถามเพื่อนบ้านของ นายสุรชัย ทราบว่า เขาเป็นคนอัธยาศัยดี บุคลิกเงียบขรึม ไม่เคยเกเรและวางกล้ามกับใคร แต่ที่ทำให้ทุกคนอกสั่นขวัญหายและไม่มั่นใจในตัวเขาเพราะอยู่ดีๆ เขาก็ควักปืนออกมายิงสุนัขพันธุ์ไซบีเรี่ยน ฮัสกี้ย์ ที่ซื้อราคาเรือนหมื่น ตายอนาถภายในบริษัทกลางวันแสก ๆ และที่ผ่านมาเห็นชายฉกรรจ์ซึ่งเป็นลูกน้องหลายราย พกพาอาวุธปืนอย่างเปิดเผยเข้าออกบริษัทเป็นประจำ
สำหรับ นายสุรชัย เติบโตมาจากครอบครัวข้าราชการชั้นสูง บิดาคือ พล.ท.ปัญญา วิวัฒนชาต นายทหารนอกราชการ และ นางสุรัชนา วิวัฒนชาต มารดา ซึ่งเป็นถึง ศาตราจารย์ ส่วนตัว นายสุรชัย นั้น ตรวจสอบประวัติการศึกษาพบว่าจบการศึกษาระดับปริญญาหลายสาขาทั้งในและต่างประเทศ และมีดีกรีถึงดอกเตอร์ โดยจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยและสถาบันต่างๆ ได้แก่ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย คณะนิเทศศาสตรบัณฑิต (วิทยุกระจายเสียง/โทรทัศน์) มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช คณะนิติศาสตรบัณฑิต มหาวิทยาลัยเฟรดเดอริคเทเลอร์ คณะบริหารธุรกิจมหาบัณฑิต (หลักสูตรผู้บริหาร มหาวิทยาลัยอภิปรัชญาศาสตร์ สาขาอภิปรัชญาศาสตรดุษฎีบัณฑิต, PhD มหาวิทยาลัยแคนเทอเบอรี่ ศาสตราจารย์ ด้าน อาชญวิทยาศาสตร์, Prof สถาบันการบำบัดรักษาด้วยวิธีสะกดจิต ประกาศนียบัตรนักสะกดจิต วิทยาลัยการสืบสวนโกลบอล ประกาศนียบัตรการสืบสวน, DipPI สถาบันการสืบสวนไลอ้อน (LIA), PA, USA ปริญญาบัตรการสืบสวนและรักษาความปลอดภัย, AST (Hon)ประกาศนียบัตรผู้เชี่ยวชาญในการคุ้มกันระยะใกล้, CertBodyguard ประกาศนียบัตรผู้เชี่ยวชาญการใช้ปืนพกชั้นสูง, CertAdvFirearm ประกาศนียบัตรที่ปรึกษาทางด้านการรักษาความปลอดภัย, CSC (Hon.) ประกาศนียบัตรทฤษฎีและการใช้เครื่องจับเท็จ, CertPolygraph สถาบันการบริหารงานรักษาความปลอดภัยนานาชาติ, (ESI), CO, USA ประกาศนียบัตรการคุ้มครองและปฏิบัติการรักษาความปลอดภัย สถาบันวิทยาศาสตร์ประยุกต์แห่งสหรัฐอเมริกา, (AIAS), NC, USA ประกาศนียบัตรนิติวิทยาศาสตร์ DipFS (Hon) ประกาศนียบัตรนิติวิทยาศาสตร์ชั้นสูง DipAdv FS(Hon) สถาบันอบรมนักสืบ, (DTI), CA, USA ประกาศนียบัตรบัณฑิตศึกษาการสืบสวนชั้นสูง, MasterCertPI
นอกจากนี้เมื่อวันที่ 12 พ.ค.2550 นายสุรชัย ได้รับเชิญไปออกรายการ "ตู้ซ่อนเงิน" ร่วมกับผู้ร่วมรายการที่มีอาชีพเป็นนักสืบเอกชนโดย นายสุรชัย ได้รับการแนะนำจากพิธีกรรายการ ว่า เป็นศาสตราจารย์นักสืบเอกชน ปริญญา 9 ใบ โดยระหว่างเล่นเกม นายสุรชัย ได้เข้าไปดูในตู้แล้วทำท่าตะลึง ตาลุกวาว พร้อมล้มลงไปกองกับพื้น ควักยาดมขึ้นมาดม ก่อนที่จะลุกมาด้วยสีหน้าตกใจ และบอกว่าเห็นเงินมากมายในตู้
ย้อนหลังไปเมื่อปี 2537 นายสุรชัย หรือ เอ็ม นั้น เดิมชื่อ นายธนะชาต หรือ คณิศร เคยตกเป็นจำเลยคดีใช้กำลังทำร้ายร่างกาย อดีตภรรยาตัวเอง คือ นางอารีวรรณ จตุทอง หรือ"น้องอ้วน"อดีตรองนางสาวไทยปี 2537 ปีเดียวกับ น.ส.อารียา สิริโสภา โดยนายคณิศร ขึ้นโรงพักก่อนแจ้งความที่ สน.พญาไท ว่าภรรยาหายตัวไปจากบ้านเพราะมีเรื่องทะเลาะกัน แต่ต่อมาน้องอ้วน ก็ออกมาโต้ว่า ที่หนีออกจากบ้านเพราะทนความป่าเถื่อนของสามีไม่ได้ มีทั้งการซ้อมอย่างทารุณ เอาก้นบุหรี่จี้ตามร่างกาย และที่หนักหนาสาหัสที่สุดคือ จับ แก้ผ้าเดินรอบบ้าน
ถัดมาอีก 3 ปี นายสุรชัย ก่อวีรเวรจนเป็นข่าวครึกโครมอีกครั้ง เมื่อกลางดึก คืนวันที่ 30 มิถุนายน 2540 เมื่อเขา ควงปืนเอ็ม 16 แบบ เอ.2 ชนิดลำกล้องติดเลเซอร์ซึ่งเป็นปืนใช้เฉพาะหน่วยรบพิเศษของทางราชการ เดินอาดๆเข้าโรงพักพญาไท ก่อนลั่นไกรัวยิงเพดานห้องสอบสวนนับ 10 นัด เสียงสนั่นหวั่นไหว แล้วใช้ปืนจี้หัวนายร้อยฝึกหัด 2 นาย พร้อมออกคำสั่งให้คืนปืนพกสั้นของลูกน้องที่ถูกจับคืนมา แต่ตำรวจไม่ยอม ต่อมา พล.ต.ท.โสภณ วราชนนท์ ผบช.น.สั่งให้ พล.ต.ต.ดำรงศักดิ์ นิลคูหา ผบก.สปพ ระดมกำลังหน่วยจู่โจม หน่วยแม่นปืนและหน่วยวางระเบิดเครื่องกีดขวาง เข้าล้อมโรงพักเพื่อรับรอคำสั่งจัดการขั้นเด็ดขาด แต่ พล.ต.ปัญญา บิดา และ รศ.สุรัชนา มารดา เข้ามาเกลี้ยกล่อมบุตรชายจนยอมมอบตัว
ทางเจ้าหน้าที่จึงดำเนินคดี 8 ข้อหาหนัก 1.พยายามฆ่าเจ้าพนักงานซึ่งปฏิบัติตามหน้าที่ 2.ข่มขืนใจเจ้าพนักงานให้ปฏิบัติอันมิชอบด้วยหน้าที่หรือให้ละเว้นการปฏิบัติตามหน้าที่ โดยการใช้กำลังประทุษร้าย โดยมีหรือใช้อาวุธปืน 3.ข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการหรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิตร่างกายโดยมีอาวุธปืน 4.หน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่นให้ปราศจากสิทธิเสรีภาพในร่างกาย มีอาวุธปืน และเครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนจะออกใบอนุญาตให้ไม่ได้ ไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต 5.มีอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาตและมีอาวุธปืนสงครามไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต6.พกพาอาวุธปืนในหมู่บ้านหรือที่สาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต และไม่มีเหตุอันควร 7.ยิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิดในเมืองหรือหมู่บ้าน 8.กระทำการด้วยประการใดๆ ให้ผู้ที่ถูกคุมขังตามอำนาจหน้าที่ของพนักงานสอบสวนหลุดพ้นการควบคุมโดยใช้อาวุธปืน ซึ่งศาลตัดสินจำคุกอยู่นานหลายปีก่อนจะพ้นโทษออกมา ระหว่างอยู่ในเรือนจำคลองเปรม เขาก็มาพบรักกับนางธนวรรณ พยาบาลรุ่นพี่ที่นั่น กระทั่งทั้งสองถูกจับกุมดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม นายสุรชัย ได้เปลี่ยนประเด็นที่ถูกแจ้งจับว่าเหยื่อต้องการผูกมัดเขาโดยการบังคับให้แต่งงาน ซึ่งแต่เขาไม่เล่นด้วยเพราะรักแฟนมาก แต่ตำรวจกลับมองว่าเป็นการเบี่ยงประเด็นตามหลักการสอบสวนที่เขาร่ำเรียนมา ซึ่งขณะนี้บารมีของบิดาที่เคยมีจะสามารถช่วยผ่อนหนักให้เป็นเบาได้หรือไม่กระบวนการยุติธรรมเท่านั้นจะเป็นผู้ให้คำตอบ