จากกรณี "น้องมิน" น.ส.ระภีภรณ์ นาสอ้าน อายุ 25 ปี บัณฑิตใหม่หอการค้าไทย คนกาฬสินธุ์ บินเที่ยวเกาหลีใต้กับเพื่อน แต่จู่ๆขากลับร่างกายอ่อนแรงกะทันหันจนเกิดช็อกหมดสติกลายเป็นเจ้าหญิงนิทรา ต้องพักรักษาตัวในโรงพยาบาลประเทศเกาหลี ขณะที่ ผวจ.กาฬสินธุ์ ประสานงานกงสุลกระทรวงการต่างประเทศให้ความช่วยเหลือ ส่วนในพื้นที่มีการเรี่ยไรเงินสมทบช่วยเหลือค่าเดินทางนั้น ตามข่าวที่เสนอไปแล้วนั้น
เมื่อวันที่ 30 มีนาคม นางบังอร นาสอ้าน แม่ของน้องมิน เปิดเผยว่า ได้รับการติดต่อจากนายธีรพงษ์ นาสอ้าน พ่อของน้องมิน ซึ่งเดินทางไปดูอาการของลูกสาวที่ประเทศเกาหลีใต้ ปรากฏว่ายังคงใช้เครื่องช่วยหายใจอยู่ แต่ทางแพทย์เกาหลีใต้ได้ทำการสแกนสมองแล้ว
ขณะนี้อาการของลูกสาวดีขึ้น ซึ่งแพทย์ระบุว่าพ้นขีดอันตรายแล้ว โดยเฉพาะผลการสแกนสมองถือว่าสมบูรณ์ แต่สมองมีปัญหาอยู่ 1 เส้น ซึ่งแพทย์ก็ยังไม่ระบุว่าจะมีปัญหาหรือไม่อย่างไร แต่แพทย์ก็ยังคงให้มีเครื่องช่วยหายใจเพราะน้องมินยังไม่รู้สึกตัว และคงไม่มีผลที่จะทำให้น้องมินกลายเป็นเจ้าหญิงนิทรา แต่ก็ต้องรอให้คนไข้รู้สึกตัวเอง
"ส่วนจะมีการเคลื่อนย้ายตัวมารักษาที่เมืองไทยนั้น จึงยังต้องรอดูอาการเพราะตั้งแต่ป่วยเข้าโรงพยาบาลตั้งแต่วันที่ 23-29 มีนาคมนี้ค่ารักษาพยาบาลเป็นเงิน 1.2 ล้านบาท ซึ่งพ่อของน้องมินได้เข้าไปเซ็นรับชำระหนี้ และคงจะต้องเร่งเอาตัวกลับมารักษาที่ประเทศไทย เพราะค่ารักษาพยาบาลคงจะถูกกว่า ที่ผ่านมาก็ขอขอบคุณสื่อมวลชนทุก กระทรวงการต่างประเทศไทย และในประเทศเกาหลีใต้ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ ศูนย์ดำรงธรรม และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีที่ดูแลเป็นอย่างดี"
นายณัฐภัทร สุวรรณประทีป ผวจ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า ในเรื่องการช่วยเหลือตั้งแต่ต้นได้รับรายงานมาในช่วงของวันอาทิตย์ที่ 26 มีนาคม 2560 ญาติของน้องมินได้โทรศัพท์สายด่วนมาที่ 1567 ศูนย์ดำรงธรรมประเทศไทย จนได้มีการประสานมายังจังหวัดกาฬสินธุ์ ถึงแม้ในช่วงวันหยุดการประสานงานจากศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด ไปยัง กระทรวงการต่างประเทศได้เกินขึ้นอย่างต่อเนื่องจนนำไปสู่การช่วยเหลือและมีการบริจาค ซึ่งในวันที่ 27 มีนาคม 2560 ญาติของ น้องมิน ได้เดินทางมาขอความช่วยเหลือเป็นรายลักษณ์อักษร ทางจังหวัดก็ได้รายงานผลและวิธีการช่วยเหลือไปยังส่วนกลาง ซึ่งทราบว่ากระทรวงการต่างประเทศพร้อมที่จะเข้ามาช่วยเหลือในเรื่องค่าใช้จ่ายอย่างเต็มที่เพราะมีกองทุนผู้ตกทุกข์ได้ยากในต่างแดน
"ขณะนี้ทราบว่าพ่อของน้องมิน ก็ได้เดินทางไปดูอาการน้องมิน เป็นที่เรียบร้อยแล้วในส่วนของทางจังหวัดก็พร้อมที่จะให้การช่วยเหลืออย่างเต็มที่ ซึ่งทราบว่าขณะนี้มีโรงพยาบาลเอกชนพร้อมที่จะช่วยเหลือในเรื่องของการเคลื่อนย้ายตัว แต่คงต้องรอดูอาการก่อนจึงจะนำกลับมาได้ ในส่วนของพื้นที่ก็ยังมีทาง บริหารเทศบาลในจังหวัดได้แสดงความจำนงที่จะเข้ามาช่วยเหลืออย่างเต็มที่แล้ว กรณีนี้ถือว่าระบบ 1567 ศูนย์ดำรงคธรรมมีประสิทธิภาพในการทำงานที่สามารถพิสูจน์ได้ว่าแนวทางในการขอความช่วยเหลือของไทยเกิดขึ้นจากความตั้งใจของรัฐบาลที่ต้องการให้ประชาชนได้เข้าถึงงานบริการอย่างเท่าเทียมกัน"