"ฝ้ายฝาถัง" ในคลิปดังเปิดฝาถังน้ำมันไม่ได้ เข้าพบตำรวจที่ระยองหลังถูกแจ้งความดำเนินคดีฉ้อโกงเงิน ยันไม่ได้โกงเป็นเพียงการกู้ยืมเงิน และยังมีการนำรถกระบะวีโก้มาค้ำประกัน และ ยังมีสลิปโอนเงินผ่อนจ่ายตลอดจนเหลือเพียง 400,000บาท จาก 900,000 บาท เตรียมนำเงินส่วนที่เหลือมาคืน ตามที่ถูกแจ้งความ แต่ปรากฏว่าผู้แจ้งไม่สามารถนำรถยนต์มาได้ จึงต้องรอให้นำรถยนต์ที่นำมาค้ำประกันไว้มาก่อน แต่ผู้แจ้งยังไม่ทราบว่ารถอยู่ไหนจึงต้องรอ และมาเพื่อยืนยันว่าไม่ได้โกงแต่เป็นการกู้ยืม ตำรวจจึงลงบันทึกไว้เป็นหลักฐาน
จากกรณีที่ น.ส.อนงค์ สุวรรณเพ็ชร อายุ 32 ปี ได้เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับ น.ส.วลีวรรณ รัตนภักดี หรือ "ฝ้ายฝาถัง" ที่รู้จักกันในโลกออนไลน์ว่าได้กู้ยืมเงินจำนวน 900,000 บาทไป พร้อมหลักฐานสลิปธนาคารในการโอนเงินไปให้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงรับแจ้งความและเตรียมตรวจสอบข้อเท็จจริงต่อไป ตามข่าวที่ได้นำเสนอไปแล้ว
เกี่ยวกับความคืบหน้า เรื่องดังกล่าว เมื่อเวลา 14.00 น.วันที่ 29 มี.ค.พ.ต.ท.วิรัตน์ ยอดเสาร์ สว.เวร สภ.เพ ระยอง ได้พบ น.ส.วลีวรรณ รัตนภักดี หลังจากถูก น.ส.อนงค์ สุวรรณเพ็ชร แจ้งความดำเนินคดีฉ้อโกงเงินจำนวน 900,000 บาท ได้ให้การว่า ที่มาพบก็เพื่อยืนยันว่าไม่ได้ฉ้อโกง แต่ยอมรับว่ามีการกู้ยืมเงินจริงและมีการนำเงินคืนไปแล้ว จำนวน 500,000 บาท พร้อมสลิปการโอนเงิน 10 ครั้งๆละ 50,000 บาท เหลือเงินที่เป็นหนี้อยู่อีก 400,000 บาท ตนเองก็ได้นำรถยนต์กระบะ โตโยต้า ที่เป็นชื่อของตัวเองเป็นผู้เช่าซื้อ เมื่อปี 2556 มาค้ำประกันไว้ และก็ยังมีการติดต่อกันตลอด
และที่มาวันนี้ก็ต้องการนำเงินที่ยังเป็นหนี้อยู่อีก 400,000 บาท มาชดใช้คืน แต่ก็ต้องให้ทาง น.ส.อนงค์ สุวรรณเพชร ผู้ให้กู้ นำรถที่ค้ำประกันมาคืนให้ด้วย แต่ปรากฏว่าหลังจากติดต่อไป น.ส.อนงค์ บอกว่าไม่ทราบว่ารถอยู่ไหน จึงทำให้ตนเองต้องเข้ามาแจ้งความไว้เป็นหลักฐานและยืนยันความบริสุทธิ์ และพร้อมที่จะใช้หนี้สินที่เหลือหากอีกฝ่ายนำรถยนต์ของตนเองมาคืนต่อหน้าตำรวจ
ด้านพ.ต.อ.กฤษณะ วนะบดีนิมิตร ผกก.สภ.เพ ได้กล่าวว่า หลังจากที่ดูหลักฐาน ไม่ใช่เป็นการลงทุนร่วมกัน และยังมีหลักฐานในการโอนเงินของธนาคารคืนให้เจ้าของเงินจริง จึงเป็นเพียงการกู้ยืมเงินกันเท่านั้น จึงไม่น่าเข้าข่ายฉ้อโกงทางคดีอาญา ส่วนเรื่องรถยนต์หากหายไปก็ต้องเป็นอีกคดี แต่ถึงอย่างไรก็ตามจะให้ทางร้อยเวรเจ้าของคดี เรียกผู้แจ้งเข้ามาพบอีกครั้งเพื่อนัดวันที่จะนำรถมาคืนให้เพื่อไกล่เกลี่ยเรื่องเงินกันต่อไปและเรื่องคดีกันต่อไป