เรื่องดังกล่าวเป็นที่สนใจของโซเชียลอย่างยิ่ง โดยมารดาและยาย ได้เดินทางมาออกรายการต่างคนต่างคิด โดยตอนหนึ่ง ได้เปิดเผยว่า อวัยวะของน้องบิวนั้นสามารถช่วยชีวิตคนได้ถึง 6 ชีวิต และวันที่น้องเสียชีวิต ก่อนที่น้องบิวจะจากไปได้เข้าไปลาน้องบิว ซึ่งตัวน้องบิวในขณะนั้นสมองตายแต่หัวใจยังเต้นอยู่ โดยหมอได้แจ้งครอบครัวว่า อยากขอบริจาคอวัยวะของน้องเพื่อช่วยเหลือคนอื่น ซึ่งครอบครัวตัดสินใจว่า เก็บเอาไว้ก็ต้องถูกเผามันก็เสียเปล่า จึงขอคุณหมอแค่ เชิญพระมาสวดเพื่อทำบุญให้น้อง และปลดพระออกจากตัว บอกลูกว่า จะเอาของบิวไปช่วยคนอื่นนะ จากนั้น กราฟหัวใจที่เคยเต้นอยู่ก็ดิ่งลงและดับไป
ทั้งนี้ นางยง ศิริสุข มารดาของน้องบิว เล่าว่า เมื่อวันที่ 17 มีนาคม ที่ผ่านมา ตนได้ขี่มอเตอร์ไซค์ตามหลังลูกชายเพื่อที่จะกลับบ้าน ในระหว่างที่กำลังผ่านสี่แยกได้มีรถมอเตอร์ไซค์จากทางโท พุ่งตรงเข้ามาชนลูกชายซึ่งขี่อยู่ทางเอกต่อหน้าตนเอง จึงส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลแปลงยาวแต่อาการหนักมาก จึงได้ส่งตัวมารักษาต่อที่โรงพยาบาลพุทธโสธร ลูกมีอาการบาดเจ็บอย่างรุนแรงที่ศีรษะ มีภาวะสมองบวมช้ำ และมีเลือดออกในช่องท้องมาก จนถึงวันที่ 24 มีนาคม 2560 ทางแพทย์แจ้งว่าน้องบิวสมองตาย จนเป็นที่มาการบริจาคอวัยวะดังกล่าว
"ก่อนหน้านี้ไม่รู้มาก่อนว่ามีการบริจาคอวัยวะได้ เพราะตนเองก็เรียนไม่สูง แต่ก็ยินดีและได้บอกทางคุณยายและญาติ ๆ ว่าน้องจะไม่เจ็บปวดหรอก เพราะน้องเสียชีวิตแล้ว เมื่อเราเผาร่างน้องไปก็ไม่มีประโยชน์ใด ๆ ซึ่งชาติหน้าเราก็ไม่รู้ว่าจะไปเกิดเป็นอะไรแต่ชาตินี้อยากให้ลูกชายได้ทำบุญครั้งสุดท้าย ช่วยคนอื่นที่เขาเดือดร้อนหรือทุกข์มากกว่าเราเท่าที่จะช่วยได้ ไม่ว่าดวงตาทั้งสองข้าง ตับ ไต หัวใจ จึงได้ตัดสินใจอนุญาตให้ลูกชายเป็นผู้บริจาคอวัยวะในวันนั้น"
ทั้งนี้ มารดาของน้องบิว ยังเล่าเรื่องแปลกให้ฟังอีกว่า น้องบิวเกิดวันที่ 6 เดือน 6 นอนรักษาตัวที่เตียงโรงพยาบาลเตียงเลขที่ 6 เสียชีวิต พ.ศ. 2560 บริจาคอวัยวะช่วยชีวิตคน 6 ชีวิต ชีวิตของน้องบิวเกี่ยวกับเลข 6 ทั้งหมด "ถามว่าเสียใจไหมก็เสียใจ แต่มีความสุขตรงที่รู้ว่า หัวใจของลูกไปอยู่ในตัวของอีกคนหนึ่ง แล้วเขาปลอดภัย แม้วันนี้ไม่ได้เห็นบิวแต่หัวใจของบิวที่ไปอยู่กับอีกคนก็ยังคงเต้นอยู่ ลูกก็ยังอยู่" นางยง มารดาของน้องบิว กล่าว