จากกรณีเกิดอุบัติเหตุสลดใจ เมื่อรถ BMW รุ่น 218i สีขาว ป้ายทะเบียนแดง ศ-8859 กทม. ที่มี นายกิติภูมิ เอี่ยมสุข หรือ เดียร์ อายุ 28 ปี ลูกชาย โหน่ง ชะชะช่า ตลกชื่อดัง เป็นคนขับ ชนกับรถยนต์ยี่ห้อมิตซูบิชิ แลนเซอร์ สีขาว ทะเบียน กจ-5946 จ.ปทุมธานี ของนายพรพิชิต นฤนาทมนตรี อายุ 47 ปี บนถนนรังสิต-นครนายก ขาเข้า คลอง 9 ช่วงจุดกลับรถ พื้นที่ สภ.ธัญบุรี จากนั้น ทางเจ้าหน้าที่ได้นำตัวส่งไปรักษาที่ รพ.เปาโลรังสิต ขณะที่ผู้ขับรถมิตซูบิชิ คือ นายพรพิชิต อายุ 47 ปี เจ้าหน้าที่กู้ภัยป่อเต็กตึ๊งต้องใช้เครื่องตัดถ่างนำร่างออกมาจากรถ โดยพบว่านายพรพิชิต เสียชีวิตแล้ว ตามที่เสนอข่าวไปก่อนหน้านั้น
ทั้งนี้ จากการนำภาพกล้องวงจรปิด 6 ตัวของเทศบาลตำบลธัญบุรีมาประเมินค่าความเร็ว ทำให้ทราบว่าตลอดระยะทาง 1.4 กม. รถใช้เวลาวิ่ง 33 วินาที หากคิดเป็นความเร็วแล้วรถของนายกิติภูมิ หรือเดียร์ ลูกชายของโหน่ง ชะชะช่า นั้น ความเร็ววิ่งอยู่ประมาณ 152กม./ชม. เบื้องต้เจ้าหน้าที่ตำรวจเตรียมตั้งข้อหานายกิติภูมิ มีความผิดฐานขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย รวมทั้งข้อหาขับรถในเขตเทศบาลเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดคือต้องไม่เกิน 80กม./ชม. ส่วนผลการวัดค่าแอลกอฮอล์ในเลือดของนายกิติภูมิ ปรากฏว่าผลการวัดค่าแอลกอฮอล์นั้นไม่พบค่าแอลกอฮอล์ในเลือดแต่อย่างใด แต่ผลของผู้ตายต้องรอผลจากสถาบันนิติวิทยาศาสตร์รพ.ธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ อีกครั้งหนึ่ง
ล่าสุด นายเกิดผล แก้วเกิด ทนายความและนักฎหมายอิสระ ได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับกรณีดังกล่าวนี้ โดยทนายเกิดผล ระบุว่า หากพิจารณาตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ. 2522 การกลับรถบริเวณทางร่วม-ทางแยก เมื่อผู้ขับอยู่ในจุดที่เป็นเขตปลอดภัย ควรหยุดรถเพื่อตรวจสอบให้แน่ใจว่า ไม่มีรถทางตรงแล่นผ่านมา ถึงจะกลับรถข้ามไปได้ และไม่ควรกลับรถอย่างกะทันหัน ไม่ว่าจะเป็นช่วงกลางวันหรือกลางคืน ซึ่งเมื่อมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นจะมีความผิดฐานประมาท แต่กรณีดังกล่าวคู่กรณีถึงแก่ความตาย จึงเป็นเหตุให้คดีอาญาระงับ จะเป็นหน้าที่ของพนักงานสอบสวนจะดำเนินการอย่างไรต่อไป
ด้านมุมของ นายกิตติภูมิ อุบัติเหตุนี้ดูเป็นเหตุสุดวิสัยจริง แต่ในทางกฎหมายไม่สามารถอ้างว่าไม่มีทางเลือก เพราะกฎหมายกำหนดให้รถวิ่งบนทางหลวงชนบทได้ไม่เกิน 80-90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จริงอยู่ที่ นายกิตติภูมิ ขับรถมาในทางตรง หรือทางเอก ที่สามารถขับผ่านไปก่อน แต่ก็ต้องระมัดระวังด้วยเช่นกัน เพราะหากขับมาเมื่อถึงทางร่วม-ทางแยกนั้นจะต้องหยุดรถให้ได้ในระยะไม่น้อยกว่า 150 เมตร โดยความผิดคงไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน ขึ้นอยู่ที่ดุลยพินิจของศาลจะพิจารณาว่าใครขับประมาทมากกว่า.