ผู้การประจวบฯ ยันไม่ช่วยหมวดแบงก์ ผิดต้องเป็นผิด

11.00 น.วันที่ 23 มี.ค.60 ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าคดี น.ส.สุกฤตา สภานิล หรือ จูน อายุ 27 ปี ถูกทำร้ายได้รับบาดเจ็บสาหัส จนเบ้าตายุบ ใบหน้าเสียโฉม เหตุเกิดในพื้นที่ สภ.สามร้อยยอด ตั้งแต่วันที่ 20 กรกฎาคม 2559 นาน 9 เดือนแต่คดีไม่คืบ กระทั่งผู้เสียหายพร้อมมารดาเดินทางไปร้องเรียนนายสงกรานต์ อัจฉริยะทรัพย์ ทนายความชื่อดัง เพื่อให้ติดตามคดีหลังจากมีการคุกคามเพื่อให้เปลี่ยนสำนวนคำให้การจากพยามฆ่าเป็นทำร้ายร่างกาย และต่อมา ร.ต.ภาณุพงศ์ เจริญศรี หรือ หมวดแบงค์ อายุ 24 ปี ซึ่งเป็นอดีตสามี นายทหารสังกัดกองพันทหารราบที่ 1 ศูนย์การทหารราบค่ายธนะรัชต์ (ศร.) อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ พร้อมนายทหารพระธรรมนูญ ได้เดินทางเข้ามอบตัวกับพนักงานสอบสวน ที่ สภ.ปราณบุรี จากนั้นได้คุมตัวไปฝากขังศาลทหาร มทบ.15 จ.เพชรบุรี และได้รับการประกันตัวในเวลาต่อมา

พล.ต.ต.ประเสริฐ ศิริพรรณาภิรัตน์ รักษาการผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.ประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่า ได้มอบหมายให้ พ.ต.อ.วันชัย ธารณธรรม รองผู้บังคับการภูธร จ.ประจวบคีรีขันธ์ เป็นหัวหน้าชุดสอบสวนคดีนี้ กำชับต้องทำตามกฎหมายทุกอย่าง ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจะให้ความเป็นธรรมความเป็นกลาง ไม่ใช่ว่าจะเป็นตำรวจหรือทหารหรืออะไรก็แล้วแต่ แล้วจะไปช่วยกันนั้นคงเป็นไปไม่ได้ จะต้องไปว่ากันด้วยหลักฐานข้อเท็จจริง บางคนอาจจะว่า มีสิ่งที่ช่วยกันซึ่งเป็นไปไม่ได้แม้แต่ตำรวจหรือแม้แต่ตนเอง หากกระทำผิดก็ต้องถูกลงโทษเหมือนกัน หากหลักฐานชัดเจนทุกอย่าง ก็ต้องว่าไป ผิดแค่ไหนก็ต้องถูกดำเนินคดีแค่นั้น หากจะไปบอกว่าผิดมากกว่า หรือหากจะบอกว่าผิดแล้วบอกว่าไม่ผิดก็เป็นไปไม่ได้ ซึ่งต้องว่ากันไปตามข้อเท็จจริง สำหรับการคุ้มครองพยานหรือผู้เสียหาย มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ปราณบุรี ไปดูแลเพื่อความอุ่นใจและความปลอดภัย

Cr.khaosod