เมื่อ วันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2560 ที่โรงแรมชัยคณาธานี อำเภอเมือง จังหวัดพัทลุง พลเอกพงษ์เทพ เทศประทีป เลขาธิการมูลนิธิรัฐบุรุษพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ เป็นประธานเปิดเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นและรับฟังข้อเสนอแนะโครงการคลองไทย หัวใจของชาติ ( คลองไทย 9 A ) โดยมีนายวันชัย คงเกษม ผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง หัวหน้าส่วนราชการ ภาคเอกชน นักธุรกิจ ประชาชน นักเรียน-นักศึกษา ร่วมให้การต้อนรับ และร่วมเข้าร่วมเวทีกว่า 200 คน
ทั้งนี้ การขุดคลองไทย มีแนวคิดเริ่มต้นในรัชสมัยของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช เพื่อเชื่อมทะเลอันดามัน และทะเลอ่าวไทย แต่เนื่องจากมีเหตุผลและเหตุการณ์ต่างๆ เข้ามาเกี่ยวข้อง ทำให้แนวคิดการขุดคลองไทยถูกระงับและล้มเลิกไปหลายครั้ง
ต่อมาปี พ.ศ. 2544 กรรมาธิการวุฒิสภา ได้รื้อฟื้นและศึกษาการขุดคลองไทยขึ้นใหม่อีกครั้ง ซึ่งผลการศึกษาของวุฒิสภา ได้ให้ความเห็นชอบเป็นเอกฉันท์ ให้ดำเนินการขุดคลองไทย ตามแนวคลองใหม่ เรียกว่า เส้นทางแนว 9 A เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2548 โดยเริ่มต้นจากทะเลอันดามันที่ อ.สิเกา อ.วังวิเศษ จ.ตรัง ผ่าน อ.ทุ่งสง อ. ชะอวด อ.หัวไทร จ.นครศรีธรรมราช สู่ทะเลอ่าวไทยที่ อ.ระโนด จ.สงขลา ความกว้าง 400 เมตร ความยาว 135 กิโลเมตร และมีความลึก 30 เมตร ซึ่งในการขุดคลองไทยในครั้งนี้ จะไม่ผ่านโครงการพระราชดำริ ชุมชนหนาแน่น โบราณสถาน โบราณวัตถุ เขตอนุรักษ์ / แนวป่าสมบูรณ์ แหล่งอารยธรรม และแหล่งน้ำขนาดใหญ่
พลเอกพงษ์เทพ กล่าวว่า การขุดคลองไทย จะช่วยลดปัญหาความยากจนของคนไทย เนื่องจากจะเป็นแหล่งจ้างแรงงานขนาดใหญ่ที่สำคัญ นอกจากนี้ จะช่วยย่นระยะการเดินทางของเรือสินค้า ลดต้นทุนการขนส่งสินค้าทั้งของไทยและต่างชาติ ส่งเสริมศักยภาพด้านความมั่นคงของประเทศ โดยเฉพาะกองทัพเรือไทยสามารถเคลื่อนกำลังระหว่างสองฝั่งได้อย่างรวดเร็ว หากมีกรณีฉุกเฉิน และไทยจะเป็นศูนย์กลางการแลกเปลี่ยนสินค้าของภูมิภาคและของโลก มีอำนาจในการต่อรองสินค้าได้มากขึ้น ไทยสามารถเพิ่มโอกาสในการแข่งขันสินค้าในตลาดภูมิภาคและตลาดโลกได้ ฯลฯ
อย่างไรก็ตาม ในการเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นและรับฟังข้อเสนอแนะโครงการคลองไทย หัวใจของชาติในครั้งนี้ ได้มีการเสนอแนวคิด ข้อเสนอแนะ ที่เป็นประโยชน์ รวมทั้งแนวคิดที่คาดว่าจะส่งผลกระทบ ซึ่งทางคณะทำงานอำนวยการคลองไทยจังหวัดพัทลุง จะรวบรวมแนวคิด ข้อเสนอแนะ ไปรวบรวมกับคณะอำนวยการคลองไทย 5 จังหวัด คือ คณะทำงานจังหวัดกระบี่ ตรัง นครศรีธรรมราช และ จ.สงขลา เพื่อส่งไปยังรัฐบาลดำเนินการ พิจารณาตามขั้นตอนต่อไปในขณะที่เมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2560 พล.อ.พงษ์เทพ เทศประทีป ประธานกิตติมศักดิ์สมาคมอุตสาหกรรมการค้า ไทยจีน เป็นประธาน พิธีเปิดการเสวนา เรื่อง ชาวนครศรีธรรมราชคิดอย่างไร กับการให้รัฐบาลแต่งตั้งคณะกรรมการศึกษาความเป็นไปได้ของการขุดคลองไทย แนว9 Aและบรรยายพิเศษ ในหัวข้อ คลองไทย (คลองคลอดกระ ) หัวใจของชาติ ที่ห้องประชุมโรงแรมราวดี อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราชว่า ภาคใต้มีทรัพยากรโดดเด่นมาก สามารถนำมาพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศให้ยั่งยืน ส่งผลสร้างรายได้ให้ประชาชน มีคุณภาพชีวิตดีขึ้น แต่ไม่ได้นำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ โครงการนี้เป็นลอจิสติกส์ทางทะเลที่ใหญ่มาก เชื่อมต่อระหว่างอันดามันกับอ่าวไทย ประเทศไทยอยู่ในภูมิศาสตร์ ที่มีความได้เปรียบมาก ไม่ควรห่วงเรื่องความมั่นคง เพราะมีกองทัพเรือที่เข้มแข็ง และไม่ต้องห่วงแหล่งเงินลงทุน เพราะมีหลายประเทศทั้งใหญ่และเล็ก ได้ประโยชน์จากโครงการนี้
"อยากให้เกิดโครงการนี้ แต่ต้องมีการศึกษาอย่างลึกซึ้ง ถึงข้อดี ข้อเสีย ให้เกิดผลกระทบต่อประชาชนน้อยที่สุด แม้ว่าผลประโยชน์ของประเทศชาติ จะมาก่อนก็ตาม หลายส่วนขานรับโครงการคลองไทย จึงได้จัดสัมมนารับฟังความคิดเห็นจาก3ส่วน ทั้งฝ่ายประชาชน ฝ่ายวิชาการ และ ฝ่ายบริหาร สรุปข้อมูลส่งให้รัฐบาล พิจารณาว่า จะจัดทำโครงการคลองไทย หรือไม่ ส่วนตัวคิดว่า โครงการเริ่มดำเนินการในวันนี้ มีความล่าช้ามากแล้ว แต่ไม่ควรช้าไปกว่านี้"
ทั้งนี้ มีผู้สนใจจากหลายจังหวัดในภาคใต้ นับพันคน เข้าร่วม รับฟัง ร่วมแสดงความคิดเห็น โครงการคลองไทย แนว 9A มีเส้นทาง จากฝั่งอ่าวไทย เริ่มจาก ต.ท่าบอน อ.ระโนด จ.สงขลา ผ่าน ต.ควนชะลิก อ.หัวไทร ต.เคร็ง ต.ท่าเสม็ด ต.ควนหนองษ์ อ.ชะอวด ต.น้ำตก อ.ทุ่งสง ผ่าน ต.หนองบัว อ.รัษฎา ต.บางดี อ.ห้วยยอด ต.วังมะปราง อ.วังวิเศษ ต.กะลาเส ต.เขาไม้แก้ว อ.สิเกา จ.ตรัง ทะลุฝั่งอันดามัน ระยะทางประมาณ135กม
ในขณะที่ เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2559 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวกรณีที่สภาขับเคลื่อนเพื่อการปฏิรูปประเทศ (สปท.) ร่วมสมาคมเศรษฐกิจการค้าไทย-จีน เสนอแผนขุด "คลองไทย" เส้นทาง 9Aสงขลา-นครศรีธรรมราช-ตรัง-กระบี่135 กิโลเมตร กว้าง 350-400เมตร ลึก 30 เมตร ว่า "ยืนยันมาร้อยครั้งแล้ว จะไม่มีการดำเนินการในรัฐบาลนี้โดยเด็ดขาด จบเสียทีผมส่งข่าวไปถึงสปท. ผ่านพล.อ.ประวิตร วงศ์สุวรรณ รองนายรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ให้แจ้งไปแล้ว และไม่ว่าใครจะมาคุยกับผม ผมก็ยืนยันว่ายังไม่ถึงเวลาก็จบแค่นั้น เพราะฉะนั้นใครจะไปอ้างอย่างไรก็ขอให้ฟังที่ผมคนเดียวมันยังไม่ใช่เวลาเพราะความขัดแย้งมันสูง และต้องพิจารณาถึงความคุ้มค่า เงินลงทุน จำนวน 4 แสนล้านบาท ความคุ้มค่าจะเกิดขึ้นหรือไม่"