"หลังจากที่มีข่าวออกไป ก็มีผู้สื่อข่าวและประชาชนให้ความสนใจ โทรศัพท์และส่งข้อความมาแสดงความเห็นใจและยื่นมืออยากให้ความช่วยเหลือมาก ต้องขอบคุณมาก แต่ใจจริงไม่อยากรบกวนภาคประชาชนอีกแล้ว เพราะเห็นว่าทุกคนก็ลำบาก มีความเดือดร้อนด้วยกันทั้งนั้น ส่วนตัวคิดว่าแนวทางการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืนนั้นคือการที่ภาครัฐยื่นมือเข้ามาช่วยผ่านกองทุนช้าง ที่พูดมานานหลายปีแล้ว เพราะภาครัฐมีเงินที่จะสนับสนุนมูลนิธิต่างๆอยู่แล้ว แต่ที่ผ่านมาน่าน้อยใจมากเพราะมูลนิธิเพื่อนช้างกลับไม่ค่อยได้รับการช่วยเหลือจากภาครัฐ ประชาชนไม่สามารถบริจาคและนำไปลดหย่อนภาษีได้ ทำให้บริษัทต่างๆ ไม่เลือกที่จะบริจาคมูลนิธิฯ เรายื่นเรื่องไปแล้วหลายครั้งปัญหาคือมูลนิธิเพื่อนช้างต้องนำเงินไปบริจาคให้ภายนอก 60% แต่เราไม่สามารถทำได้เพราะต้องนำเงินไปบริหารจัดการภายใน ปัญหานี้เกิดขึ้นนานมากจนตัดใจแล้ว"นางโซไรดา กล่าว
นางโซไรดา กล่าวด้วยว่า วิกฤตครั้งนี้ถือว่าหนักที่สุดแล้วตั้งแต่ก่อตั้งมูลนิธิฯ ดูแลช้างมา แต่ก็ยังคิดว่าอย่างไรต้องทำต่อ เพราะมีช้างเข้ามาขอความช่วยเหลือเป็นระยะ จากนี้ก็ยังคงรับรักษาและช่วยเหลือช้างอยู่ต่อไป หากปิดตัวลงจริงๆ ในส่วนของเจ้าหน้าที่ก็ยังมีโอกาสไปทำงานที่อื่นได้ แต่หากเป็นช้าง ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร ทุกวันนี้รู้สึกท้อแต่ที่มีกำลังใจเพราะเห็นช้างได้รับการดูแลและหายจากอาการเจ็บป่วย เป็นความสุขของคนทำงานด้านนี้