สำหรับคอลเล็กชั่นเสื้อผ้าทรงออกแบบสำหรับสุภาพสตรีประจำฤดูกาลสปริง/ซัมเมอร์ 2017 ประกอบด้วยเสื้อผ้าทั้งสิ้น 54 ลุกส์ แบ่งเป็นเสื้อผ้าสุภาพสตรี 48 ลุกส์ และเสื้อผ้าสุภาพบุรุษ 6 ลุกส์ มีความโดดเด่นที่หลากหลาย เริ่มตั้งแต่โครงสร้างเสื้อผ้าแบบไม่สมมาตร (Asymmetrical) ที่เห็นได้จากชุดเดรสคล้องคอ (Halter Neck Dress) ผ้าเจอร์ซี่ย์ที่จับเดรปเฉลียงไปมาแบบเทพธิดากรีก โครงสร้างชุดเดรสที่ช่วงกระโปรงเป็นแบบฟลามิงโก้จับพลีตเน้นวอลลุ่มของกระโปรง ไปจนถึงไบเกอร์โค้ตที่ปักลูกปัดระยับเข้าคู่กับเสื้อท็อปผ้าบุหงาซีทรูและกางเกงเดนิมไบเกอร์ขาดๆ (Distressed Biker Jeans) เพื่อสร้างความขัดแย้ง
สิ่งพิเศษที่เห็นได้ชัดเจนในคอลเล็กชั่นนี้ คืองานปักจากช่างฝีมือชั้นครู ทีมช่างปักของแบรนด์ SIRIVANNAVARI เอง โดยนำเสนองานปักหลายรูปแบบบนเสื้อผ้าหลากสไตล์ อาทิ งานปักลูกปัดคริสตัลระยับรูปดาวบนไบเกอร์โค้ต การปักบทกลอนและสัญลักษณ์แห่งท้องทะเลบนผ้าบุหงา (ผ้า Tulle) ซึ่งเป็นงานฝีมือที่ต้องใช้ความประณีตสูง
เอกลักษณ์อย่างหนึ่งที่โดดเด่นของแบรนด์ SIRIVANNAVARI คือลายพิมพ์ภาพกราฟฟิกทรงออกแบบ ในซีซั่นนี้ องค์ดีไซเนอร์ไทรงออกแบบลายพิมพ์ที่ถ่ายทอดจินตนาการของบทกลอนพระนิพนธ์ที่เกี่ยวกับความรักของชายหญิงคู่หนึ่งจากการเดินทางในท้องทะเล ดังนั้นภาพกราฟิกจะเป็นรูปภาพของคลื่นทะเล ท้องฟ้า พระจันทร์ ดวงดาว สัตว์ต่างๆ ในท้องทะเล ลายกะลาสี และภาพสัญลักษณ์จักราศรี นอกจากนี้ยังทรงนำเทคนิคการพิมพ์ผ้าแบบญี่ปุ่นที่เรียกว่า Wood Cut มาใช้อีกด้วย เทคนิคดังกล่าวพระองค์หญิงทรงนำแท่นพิมพ์ไม้มาแกะสลักให้เป็นลายภาพ หลังจากนั้นจึงทรงพิมพ์ภาพลงไป เทคนิคนี้จะให้สัมผัสของภาพพิมพ์ที่แตกต่างออกไป โดยพระองค์หญิงทรงออกแบบลายพิมพ์แบบ Wood Cut ถึง 3 ลายด้วยกัน ได้แก่ ท้องฟ้าและคลื่น คลื่นทะเล และดวงดาวกับนกยูง
นอกจากนี้ ยังนำเสนอคอลเล็กชั่นเครื่องประดับจิวเวลรี่ที่ดูวิจิตรตระการตาภายใต้ธีมคอลเล็กชั่นเสื้อผ้าด้วยเช่นกัน ดังเห็นได้จากสร้อยประดับอัญมณีรูปดาว พระจันทร์ ม้าน้ำ แหวนลงยาสัญลักษณ์ตัว S ประดับมุขและลาปิส (Lapis) ต่างหูรูปพระจันทร์เสี้ยว ต่างหูเปลือกมุก และ Ear Cuff รูปดาว ไปจนถึง Hand Cuff ลงยา ไฮไลท์ของคอลเล็กชั่นเครื่องประดับคงหนีไม่พ้นเทียร่าโลหะทองรูปดาวและพระจันทร์ประดับมุกพร้อมหวีสับทองในดีไซน์เดียวกัน สร้อยโชกเกอร์โลหะทองรูปดาว ตกแต่งด้วยโซ่ทองระย้า รวมถึงสร้อยสังวาลย์คล้องลำตัวที่ทำจากไข่มุกและโลหะทองรูปปะการัง
สำหรับคอลเล็กชั่นเครื่องหนังในซีซั่นนี้เน้นกระเป๋าคลัทช์ที่คัดสรรวัสดุหลากหลายมาตัดเย็บตั้งแต่ผ้าคอตตอนเดนิมลายทางขาว หนังลิซาร์ด (Lizard) หนังจระเข้ และหนังวัวพิมพ์ลายกราฟิก โดดเด่นด้วยการประดับโซ่ทองระย้า หมุดโลหะทอง มุก และการปักโลโก้ลายนกยูง ไม่ว่าจะเป็นกระเป๋าหนังดำที่โดดเด่นด้วยลายปักสัญลักษณ์นกยูงและตกแต่งด้วยมุกน้ำจืดหลากสีหลายขนาดและโซ่ทอง กระเป๋าโพเช็ทต์ (Pochette) ที่ตัดเย็บด้วยหนังลิซาร์ดผสมหนังจระเข้สีแดงและประดับด้วยโลหะรูปปะการังและมุกทอง อีกทั้งกระเป๋าคลัทช์ยูนิเซ็กส์ (Unisex) ลายทางกะลาสี (Marine Stripe)
ในขณะที่คอลเล็กชั่นรองเท้าดูลำลองโปร่งสบายด้วยรองเท้าสานที่นำเชือกมาขดเป็นโครง มีทั้งส้นแบนและส้นเวดจ์ (Wedge shoes) ที่ดูสวยงามด้วยการประดับมุกในรูปแบบต่างๆ อีกทั้งยังมีความพิเศษที่ส้นเวดจ์ที่มีลายพิมพ์ภาพสัตว์น้ำและท้องทะเล
เพื่อความสมบูรณ์ของคอลเล็กชั่น องค์ดีไซเนอร์ทรงออกแบบคอลเล็กชั่นชุดว่ายน้ำซึ่งทำให้ผู้สวมใส่เพิ่มความเซ็กซี่ด้วยโครงสร้างแบบ Cut Out อวดเรือนร่างของหญิงสาว และเพิ่มความมีระดับด้วยการประดับคริสตัลสวารอฟสกี้สีสั่งทำพิเศษเฉพาะ อีกทั้งยังมีเสื้อคลุมอาบน้ำเพื่อไลฟ์สไตล์ที่โก้หรูสำหรับทั้งสุภาพบุรุษและสุภาพสตรี
นอกจากคอลเล็กชั่นของสุภาพสตรีแล้ว ในซีซั่นนี้ พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ ยังทรงออกแบบคอลเล็กชั่นสำหรับสุภาพบุรุษภายใต้แบรนด์ S'Homme (เอส ออม) อีกด้วย โดยสไตล์ของเสื้อผ้าสุภาพบุรุษนั้น มีความโก้หรูและโมเดิร์น
นอกจากพระปรีชาสามารถในด้านแฟชั่นแล้ว ในปีนี้ พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ ยังแสดงพระอัจฉริยภาพด้านดนตรี โดยทรงนิพนธ์บทเพลงสำหรับคอลเล็กชั่นนี้ บทเพลงพระนิพนธ์ SERENITY พระองค์หญิงนิพนธ์ทั้งคำร้องซึ่งมาจากบทกวีพระนิพนธ์ 3 บท เป็นเรื่องราวของความปรารถนา ความรัก การรอคอย และกาลเวลา ที่ผูกร้อยแรงบันดาลใจของ Sirivannavari Spring/Summer 2017 Collection ด้วยบรรยากาศท้องทะเล ความรัก และความสงบ ซึ่งพระองค์หญิงทรงถอดคำจากบทกวีพระนิพนธ์มาร้อยเรียงใหม่ เพื่อทรงนำมาเรียบเรียงทำนองและเสียงประสาน โดยพระองค์หญิงทรงเป็น Creative director สำหรับบทเพลงพระนิพนธ์ด้วย
บทเพลงพระนิพนธ์นี้อยู่ในรูปแบบซิมโฟนี ออเครสต้า บรรเลงโดยวง RBSO (Royal Bangkok Symphony Orchestra) แบ่งออกเป็น 4 ช่วง ได้แก่ จุดเริ่มต้นของเนื้อเรื่อง ตามด้วยเสียงของเขาต่อด้วยความปรารถนาจากเสียงของเธอ และปิดท้ายด้วยบทสรุป "ในความสงัดเงียบ ณ ห้วงเวลาอันเปี่ยมไปด้วยความอิ่มเอม ณ ที่นั่น ความรัก ยังคงเป็นอมตะ และจะยังคงดำรงอยู่เช่นนั้น ในความสงัดเงียบ"
พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ รับสั่งปิดท้ายว่า "บทสรุปของบทประพันธ์นี้คือความรักระหว่างชายหนุ่มธรรมดากับเทพธิดาย่อมฝืนความเป็นจริงไปไม่ได้ ทั้งคู่ต่างต้องยอมรับยถากรรม เมื่อชายหนุ่มนั้นต้องหมดลมหายใจตามอายุขัยของมนุษย์ปุถุชน ในขณะที่ดวงใจของเทพธิดาก็ดับสิ้นตามเช่นกัน หากดวงใจที่แตกสลายนั้นยังคงอยู่ในร่างของนางที่ไม่มีวันดับสูญ"
หลังจบการแสดงโชว์ พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ เสด็จยังกลางรันเวย์เพื่อทักทายผู้ชม ทันทีที่ปรากฏพระองค์เสียงปรบมือดังสนั่นไปทั่วรอยัล พารากอน ฮอลล์ ทรงโบกพระหัตถ์ให้ผู้ชมที่มาร่วมงาน สร้างความประทับใจให้กับทุกคนมาก