กระทรวงคมนาคม ชี้แจงกฎกระทรวงปรับหลักเกณฑ์สอบใบขับขี่ใหม่ ยังไม่บังคับใช้ในปีนี้ เพราะต้องพิจารณารายละเอียดอีกมาก คาดบังคับใช้ปี 61 โดยยืนยันสาเหตุปรับหลักเกณฑ์ใหม่ เพื่อลดอุบัติเหตุบนถนน
นายสนิท พรหมวงษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก(ขบ.) เปิดเผยว่า การที่คณะรัฐมนตรี(ครม.) รับทราบร่างกฎกระทรวงคมนาคม ของกรมการขนส่งทางบก เกี่ยวกับการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขอและการออกใบอนุญาตขับรถ และการขอต่ออายุใบอนุญาตขับรถนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการรอนำเสนอต่อคณะกรรมการกฤษฎีกา คาดว่าจะประกาศบังคับใช้ในปี 2561
ส่วนสาเหตุที่จะต้องส่งเสริมให้โรงเรียนสอนขับรถเอกชนเข้ามาอยู่ในระบบมากขึ้น เพราะปัจจุบันโรงเรียนสอนขับรถของกรมการขนส่งทางบกยังมีน้อยมาก ขณะที่สำนักงานสาขาของขนส่งตามต่างจังหวัดก็ยังมีไม่ครอบคลุม
ส่วนกรณีที่หลายฝ่ายมองว่า ค่าใช้จ่ายในการเรียนและสอบใบขับขี่ผ่านโรงเรียนเอกชนที่กำหนดเพดานสูงสุดไว้ที่ไม่เกิน 6 พันบาท แพงเกินไปนั้น เรื่องอัตราค่าใช้จ่ายยังอยู่ระหว่างการทบทวนจึงมีโอกาสที่จะปรับลดราคาลงได้อีก
ทั้งนี้ประชาชนยังไปสอบใบขับขี่กับสำนักงานสาขาของกรมขนส่งตามจังหวัดต่างๆได้ตามเดิม หรือไปเรียนและสอบผ่านโรงเรียนสอนขับรถของกรมขนส่งทางบกที่มีอยู่ 4 แห่งทั่วประเทศ ได้แก่ กรุงเทพมหานคร ปทุมธานี จังหวัดเพชรบูรณ์ และ จังหวัดชัยภูมิ ซึ่งปัจจุบันเสียค่าใช้จ่ายเฉลี่ยคนละ 650 บาทเท่านั้น
ด้าน นายจิรุวัตม์ วิศาลจิตร โฆษกกระทรวงคมนาคม กล่าวยืนยันว่า กฎกระทรวงดังกล่าวยังไม่มีผลบังคับใช้ คาดว่าต้องใช้เวลามากกว่า 1 ปีจึงจะแล้วเสร็จ เพราะกรมการขนส่งทางบกยังต้องพิจารณารายละเอียดปลีกย่อย และเตรียมความพร้อม เช่น การรับรองมาตรฐานโรงเรียนสอนขับรถ ระบบโครงสร้างพื้นฐานในโรงเรียนสอนขับรถ และระบบตรวจสอบการเข้าเรียน ดังนั้น ในขณะนี้การขอใบขับรถยังคงเป็นไปตามเดิม
สำหรับกฎกระทรวงดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของแผนความปลอดภัยของกระทรวงคมนาคม ซึ่งอุบัติเหตุเกิดมาจากสาเหตุ 3 ประเด็นคือ 1 สภาพถนน 2.ความพร้อมของรถยนต์ และ3.ผู้ขับขี่รถยนต์ ซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุ การเพิ่มเวลาอบรมเป็น 15 ชั่วโมงนั้น แบ่งเป็นอบรมทฤษฎี 5 ชั่วโมง และปฏิบัติ 10 ชั่วโมง ซึ่งเป็นไปตามมาตรฐานความปลอดภัยทางถนนตามปฏิญญามอสโกที่ทั่วโลกใช้กัน
ส่วนค่าอบรมการขับรถในโรงเรียนสอบขับรถเอกชนนั้น ยืนยันว่า หากกฎหมายฉบับนี้ประกาศใช้จริงทางกรมจะพิจารณาปรับลดราคาลงอีก เพื่อประโยชน์ของประชาชน