จับแล้วสาวลักทารกในรพ. อ้างกลัวผัวทิ้ง หลังกุเรื่องท้อง!!

รวบแล้วสาวแสบวัย 34 ฉกทารกวัย 4 วัน จาก โรงพยาบาลนครปฐม กลางวันแสกๆ ตำรวจไล่ตรวจกล้องวงจรปิดจนตามไปตะครุบตัวได้คาบ้าน พบเลี้ยงหนูน้อยเป็นอย่างดี สารภาพว่าทำหมันมาแล้วสมัยอยู่กับสามีเก่า แต่มาได้สามีเด็กอายุแค่ 22 ปี กลัวว่าจะถูกทิ้งเลยกุเรื่องว่าตั้งท้องเพื่อผูกมัดไว้ กระทั่งสามีเด็กเริ่มผิดสังเกตจึงใช้ผ้ายัดท้องอำพราง ก่อนก่อเหตุลักเด็กมาแอบอ้างเป็นลูก

จากกรณีคดีสาวแสบทำทีมาเยี่ยมไข้ตีสนิทพ่อแม่ชาวพม่าหลังคลอดเด็กทารกเพศชายได้เพียง 4 วัน กลางโรงพยาบาลศูนย์นครปฐม ออกอุบายพาส่งถึงบ้านพักแล้วย้อนกลับมาอ้างหมอให้พาทารกไปฉีดยา ขณะที่พ่อเด็กยังจ่ายค่าแท็กซี่อยู่ คนร้ายฉวยโอกาสรีบอุ้มทารกขึ้นตึกโรงพยาบาลหายตัวไป ตำรวจเช็กกล้องวงจรปิด พบภาพชัดเจนเป็นหญิงวัยกลางคนเดินอุ้มทารกออกทางประตูหลัง โดยจนท.ไม่เอะใจสงสัยเพราะคิดว่าคนร้ายเป็นนายจ้าง เมื่อวันที่ 12 มี.ค.ที่ผ่านมา ตามข่าวที่เสนอไปแล้ว

ความคืบหน้าคดีลักทารกกลางโรงพยาบาล เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 13 มี.ค. นายอดิศักดิ์ เทพอาสน์ ผวจ.นครปฐม พร้อมพล.ต.ท.สุทธิพงษ์ วงษ์ปิ่น ผบช.ภาค 7 พ.ต.อ.อนุพันธ์ จันทร์พฤกษ์ รอง ผบก.ภ.จว.นครปฐม พ.ต.อ.ไพฑูรย์ พิทักษ์ธรรม ผกก.สภ.เมืองนครปฐม เจ้าหน้าที่หน่วย นปพ.ภ.จว.นครปฐม เจ้าหน้าที่พม.นครปฐม และพยาบาลร.พ.ศูนย์นครปฐม ไปตรวจสอบที่บ้านพักคนงานก่อสร้าง ภายในโกดังเก็บของริมถนนไผ่เตยใต้ ต.ห้วยจระเข้ อ.เมืองนครปฐม หลังเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนตรวจสอบกล้องวงจรปิดตามเส้นทางที่หลบหนี กระทั่งทราบว่าเป็นที่อยู่ของคนร้าย จึงเข้าจับกุมได้ในที่สุด

ภายในบ้านหลังดังกล่าวพบ น.ส.สุนีภร ศักดา อายุ 34 ปี ชาว ต.บ่อพลับ อ.เมือง จ.นครปฐม คนร้ายที่ก่อเหตุ และสามีอายุ 22 ปี ชาวจ.พิจิตร นอกจากนั้นยังพบเด็กทารกเพศชาย อายุ 4 วัน นอนหลับอยู่บนเตียง โดยเด็กมีสุขภาพแข็งแรงดีรอบตัวมีทั้งนม แป้ง และของใช้สำหรับเด็กวางอยู่จำนวนหนึ่ง

สอบสวนผู้ต้องหาให้การทั้งน้ำตาว่า สาเหตุ ที่ขโมยเด็กชายคนดังกล่าว เพราะก่อนหน้านี้ตั้งครรภ์ แต่ขณะท้องแก่ 5 เดือน แพทย์ตรวจพบว่าท้องนอกมดลูกทำให้เด็กไม่สมบูรณ์ พร้อมแนะนำให้ทำแท้ง แต่ปฏิเสธเพราะคาดหวังว่าอาจมีปาฏิหาริย์เกิดขึ้น กระทั่งเมื่อวันที่ 9 มี.ค.ที่ผ่านมา ครบกำหนดจึงไปคลอดลูกที่ร.พ.ราชบุรี ปรากฏว่าลูกเสียชีวิต ทำให้ไม่กล้าบอกสามีจึงเดินทางกลับมา จ.นครปฐม โดยคิดวางแผนจะไปขโมยเด็กทารกที่โรงพยาบาลกลับมาเลี้ยง เพราะไม่อยากให้สามีเสียใจที่รู้ว่าลูกตายไปแล้ว

ผู้ต้องหาให้การอีกว่า ไปถึงร.พ.ศูนย์นคร ปฐม ในวันที่ 10 มี.ค.ที่ผ่านมา เดินวนไปมาคิดวางแผนแล้วเข้าไปแฝงตัวอยู่ภายในห้องพักฟื้นผู้ป่วยที่เพิ่งคลอด ทำให้พบกับสองสามีภรรยาที่เพิ่งคลอดลูกแล้วมาพักฟื้น จึงเข้าพูดคุยตีสนิทคอยดูแลและช่วยอำนวยความสะดวก โดยอ้างว่ามาเยี่ยมญาติเหมือนกัน โดยนอน อยู่ในโรงพยาบาลเป็นเวลา 3 วัน กระทั่งสบโอกาสในวันที่ 12 มี.ค. เมื่อแพทย์อนุญาตแม่ของเด็กกลับไปพักฟื้นที่บ้านได้ จึงขอติดตามขึ้นรถแท็กซี่ไปด้วย อ้างว่าอยากจะไปส่งและรักเอ็นดูเด็กเหมือนลูก

เมื่อไปถึงบ้านได้ออกอุบายกับพ่อแม่เด็กว่า แพทย์โทรศัพท์ติดต่อกลับมาให้นำเด็กไปฉีดยาเพราะไม่แข็งแรง จึงชวนกันกลับมาที่ โรงพยาบาลอีกรอบ โดยมีพ่อเด็ก น้าเด็ก และตน ส่วนแม่เด็กไม่ได้มาเพราะอ่อนเพลีย เมื่อมาถึงจึงอาสาอุ้มเด็กไปรอที่หน้าห้องฉุกเฉิน กับน้า ก่อนออกอุบายให้น้าของเด็กไปเอาบัตรโรงพยาบาลที่พ่อเด็กที่กำลังจ่ายค่าแท็กซี่อยู่ที่หน้าโรงพยาบาล เมื่อน้าเด็กหลงเชื่อเดินจากไป จึงรีบอุ้มออกจากโรงพยาบาลทันที โดยข้ามถนน ไปอีกฝั่งขึ้นรถแท็กซี่สีส้มที่หน้าโรงเรียนพระปฐม ไปลงที่ร้านซีเจหน้าหมู่บ้านประปานคร

จากนั้นว่าจ้างรถจักรยานยนต์รับจ้างไปลงที่หน้าร้านสะดวกซื้อที่กระดีเดียว ต.หนองปากโลง อ.เมือง จ.นครปฐม ก่อนเดินเท้าไปอีก สักพักจึงว่าจ้างรถจักรยานยนต์รับจ้างอีกคันให้ไปส่งที่ หน้าร้านสะดวกซื้อตลาดนัดวัดลาด ปลาเค้า ต.บางแขม อ.เมืองนครปฐม นำชุดเสื้อผ้าลายดอกสีขาวแดงที่สวมขณะก่อเหตุ ทิ้งถังขยะ ก่อนจะเปลี่ยนชุดแล้วนั่งรถจักรยาน ยนต์รับจ้างต่อไปยังหน้าหมู่บ้านเพชรรัตน์โฮมตรงข้ามห้างบิ๊กซีนครปฐม แล้วโทรศัพท์เรียกสามีมารับเข้าบ้าน เมื่อสามีเห็นหน้าลูกก็ดีใจเลี้ยงเด็กโดยไม่รู้เลยว่าไม่ใช่ลูกของตนเอง และ จัดหานม น้ำให้เด็กรับประทานเป็นอย่างดี กระทั่งเจ้าหน้าที่ติดตามตัวและเข้ากุมตัวได้ในที่สุด

ต่อมานายเมงคา อายุ 33 ปี สัญชาติพม่า พ่อของเด็กมายังโกดัง เมื่อเห็นลูกแล้วร้องไห้ออกมาด้วยความดีใจ ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับคนร้ายและหาลูกน้อยจนเจอ โดยที่ไม่ได้รับอันตรายแต่อย่างใด พร้อมแจ้งความจำนงไม่ขอเอาเรื่องเพราะเห็นใจที่คนร้ายต้องมาคลอดลูกแล้วเสียชีวิต จึงตัดสินใจก่อเหตุดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงประสานรถพยาบาลจากร.พ.ศูนย์นครปฐม นำพยาบาลมาตรวจสุขภาพและรับเด็กตรวจอย่างละเอียดต่อที่โรงพยาบาล พร้อมกับควบคุมตัวผู้ต้องหาไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ เบื้องต้นตั้งข้อหา พรากผู้เยาว์ และจะสอบปากคำอย่างละเอียดอีกครั้ง

ต่อมาเวลา 15.30 น. พล.ต.ท.สุทธิพงษ์เผยว่า หลังจับกุมผู้ต้องหา เจ้าหน้าที่ตรวจสอบไปยังร.พ.ราชบุรี แต่ไม่พบข้อมูลว่าไปคลอดลูกตามที่กล่าวอ้าง จึงเค้นสอบปากคำผู้ต้องหาอีกรอบ กระทั่งยอมสารภาพว่า ไม่ได้ท้องแต่อย่างใด และทำหมันมานานกว่า 7 ปี หลังมีลูก 2 คน ตั้งแต่อยู่กินกับสามีเก่า คนโตอายุ 13 ปี คนที่สองอายุ 7 ขวบ กระทั่งมาพบรักกับสามีใหม่ที่อายุเพียง 22 ปี ได้ประมาณ 1 ปี และกลัวว่าจะถูกสามีทิ้งจึงโกหกว่าตั้งท้องเพื่อผูกมัดสามีไว้ จนสามีเริ่มสงสัยว่าท้องแต่ท้องไม่ใหญ่ จนต้องเอาผ้ามาห่อท้องแล้วบอกว่าหมอนัดไปคลอด จึงไปหาเหยื่อที่โรงพยาบาลจนพบครอบครัวชาวพม่ามาคลอดลูกเลยเข้าไปตีสนิทจนตายใจแล้วลักเด็กมาให้สามีชื่นชม เพราะไม่อยากเสียสามีไป