นายอัศนี วัลลภ บิดาของน้องไออุ่น เล่าว่า ในวันเกิดเหตุนั้น ลูกสาวไม่สบาย ในตอนเช้าตนจึงให้กินยาแก้ไขหวัดแล้วก็ให้ไปโรงเรียนตามปกติ เพราะเป็นช่วงใกล้สอบปิดภาคเรียนแล้ว พอช่วงเย็นประมาณ 15.00 น. ตนไปรับลูกที่โรงเรียน ซึ่งเมื่อลูกสาวเห็นหน้าพ่อก็วิ่งร้องไห้ออกมาจากห้องเรียน ตนสงสัยและถามลูกว่าเกิดอะไรขึ้น เด็กบอกเพียงแค่ว่าถูกครูหยิกที่คอ เมื่อเปิดคอเสื้อดูก็เห็นว่าที่ลำคอด้านขวา มีรอยถูกเล็บหยิกจนเป็นแผลและมีคราบเลือดเปื้อนติดอยู่ แม้จะไม่ใช่แผลใหญ่และไม่ได้ลึกมากนัก แต่ก็ทำให้ตนเองเกิดความโมโหอย่างมากจนทำอะไรไม่ถูก จึงรีบอุ้มลูกกลับบ้าน จากนั้นก็มาถามลูกว่าเกิดอะไรขึ้น ซึ่งลูกก็บอกว่า หนูกินข้าวช้าครูเลยหยิกต้นคอ พอได้ฟังลูกพูดตนกับภรรยาก็ถ่ายภาพไว้เป็นหลักฐาน และไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันที่ สภ.บ้านแพ้ว ไว้เป็นหลักฐาน
จากนั้นเข้าไปแจ้งเรื่องให้ผู้อำนวยการโรงเรียนได้รับทราบ และได้มีการพูดคุยทั้งกับคุณครูประจำชั้นอนุบาล 2 ที่ก่อเหตุและผู้อำนวยการโรงเรียนแล้ว แต่คุณครูประจำชั้นบอกเพียงแค่ว่า ไม่ได้ตั้งใจที่จะทำและไม่คิดว่าเด็กจะเป็นแผล ในตอนนั้นอาจทำลงไปเพราะอารมณ์โมโหชั่ววูบ ซึ่งพอตนได้ยินคุณครูพูดแล้วก็รู้สึกว่า คุณครูไม่มีความรับผิดชอบต่อการกระทำมากพอ จึงได้ไปยื่นเรื่องต่อทางสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา แล้วมาแจ้งผ่านสื่อมวลชนอีกด้านหนึ่ง เพื่อต้องการร้องขอให้เกิดความเป็นธรรมต่อเด็กที่ต้องมารองรับอารมณ์ในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้
ขณะที่นางฐิติมา แตงทอง ผู้อำนวยการโรงเรียน บอกว่า หลังจากที่ทางโรงเรียนได้รับทราบในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้วนั้น ได้เรียกคุณครูประจำชั้นฯ มาสอบถามก่อน จากนั้นรายงานให้ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาได้รับทราบ และได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวนข้อเท็จจริง โดยประกอบไปด้วย คณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิทางการศึกษา 3 ท่าน ที่ไม่มีความเกี่ยวดองหรือสนิทสนมกับคุณครูประจำชั้นอนุบาล 2 แต่อย่างใดทั้งสิ้น และยังมีนายกิตติโชติ โชติวิบูลธนวงค์ นิติกรของสำนักงานเขตพื้นที่ฯ ที่ได้มาร่วมเป็นกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงด้วย เพื่อสร้างความเป็นธรรมให้กับทั้งทางฝ่ายของผู้ปกครองกับเด็ก และฝ่ายของคุณครูประจำชั้น โดยคาดว่าจะสามารถสรุปผลได้ในเร็ววันนี้