หลังจากที่ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ ประกาศสํานักนายกรัฐมนตรี เรื่อง ถอดถอนสมณศักดิ์ มีรายละเอียดระบุว่า ด้วย พระราชภาวนาจารย์ (พระทัตตชีโว หรือเผด็จ ทัตตชีโว) วัดพระธรรมกาย จังหวัดปทุมธานี เข้าข่ายการเป็นผู้ต้องหาในคดีที่เกี่ยวเนื่องกับการให้ที่พักพิงแก่ผู้ต้องหา และการนําเงินของวัดพระธรรมกายไปเล่นหุ้น เป็นความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้น การปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๕๗ และยังเป็นผู้ต้องหากระทําความผิด โดยฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามคําสั่งของพนักงานเจ้าหน้าที่ตามคําสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๕/๒๕๖๐ ลงวันที่ ๑๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๐ โดยพนักงานสอบสวนได้ออกหมายเรียกให้ผู้ต้องหามาพบ และรายงานตัว แต่ผู้ต้องหาไม่มาตามกําหนด พนักงานสอบสวนจึงได้ออกหมายเรียกอีก จนถึงปัจจุบันผู้ต้องหาก็ยังไม่มาพบพนักงานสอบสวนแต่อย่างใด จึงไม่สมควรดํารงอยู่ในสมณศักดิ์ต่อไป และได้นําความกราบบังคมทูลพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมต่อไปแล้ว
การชำระสะสางความโสโครกในวงการศาสนาเป็นเรื่องที่ต้องเป็นไปในช่วงกรอบ7ปีแรกของรอบการเปลี่ยนแปลงใหญ่84ปีของรอบนี้
ขุนพลของแผ่นดินที่จะแบกรับภารกิจนี้คือพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่ว่าลุงตู่จะคิดจะว่าอย่างไรก็ตามแต่นี่คือสิ่งที่จะต้องเป็นไป
ใครที่เชียร์ที่เชื่อ ก็คงเฮ
ส่วนใครอึดอัดขัดใจ ไม่ชอบ ก็ต้องทนเอาหน่อยนะโยม อีก 7 ปีแค่นั้นเอง
จับตาการประชุมมหาเถรสมาคมคมวันที่10นี้
ด้วยความหวังว่า
กรรมการ มหาเถรสมาคม
ที่เคยอุ้มชูอลัชชีเมื่อครั้งลงมติ12:8 หักและฝ่าฝืนพระบัญชาสมเด็จพระ ญาณสังวรสมเด็จพระ สังฆราชเป็นว่าไชยบูลย์ ไม่เป็นปราชิก จะปรับเปลี่ยนจุดยืนและท่าทีใหม่มาสนอง พระบัญชา สมเด็จพระสังฆราช องค์ปัจจุบัน ใน การ แก้ไขปัญหาและ ฟื้นฟูการพระศาสนาและการบริหารงานของมหาเถรสมาคม
ถ้าเป็นดังหวัง
ก็ต้องถือว่าเป็นบุญของประเทศและย่อมทำให้ประชาชนมีความชื่นอกชื่นใจยิ่งกว่าการไปอุ้มชูอลัชชีเหมือนที่ผ่านมาเป็นแน่นอน