พระชาญณรงค์ กล่าวต่อว่า เคยมีพระภิกษุที่ถูกจับสึก เพราะพนักงานสอบสวนไม่ให้ประกันตัวหลายราย อาทิ เจ้าคุณอุดม วัดเทพศิรินทร์ ในคดีเครื่องราชฯ เป็นข่าวครึกโครม แต่สุดท้ายศาลฎีกาพิพากษาว่าท่านไม่มีความผิด ใครจะรับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดขึ้น และท่านก็ต้องตายไปด้วยความช้ำใจต่อความอยุติธรรมที่ได้รับ ยิ่งกฎหมายเมืองไทยเป็นระบบกล่าวหา คือเจ้าหน้าที่ตั้งข้อหาไปก่อน แล้วให้จำเลยไปแก้คดีที่ศาล ยิ่งอันตรายมาก เพราะพระภิกษุสามารถถูกแกล้งจับสึกได้ตลอดเวลา ดังตัวอย่างวัดพระธรรมกาย ถูกแจ้งความดำเนินคดีถึง 300 กว่าคดีในเวลาเพียงหนึ่งเดือน และมีคดีจำนวนมากที่มีความสุ่มเสี่ยงว่าจะไม่ได้รับการประกันตัว ตั้งธงว่าจะขอศาลฝากขังซึ่งเป็นการเลือกปฏิบัติ ทั้งที่บางคดีถูกตั้งข้อหาโดยยังไม่มีความผิดชัดเจน และคดีลักษณะเดียวกันนี้ หากเป็นผู้ต้องหารายอื่นก็จะได้รับการประกันตัวไป พระก็ต้องเสี่ยงกับการถูกจับสึก ตั้งแต่ศาลยังไม่พิพากษาหลายร้อยครั้ง พลาดแม้เพียงครั้งเดียว ก็ต้องตายไปจากความเป็นพระทันที
พระชาญณรงค์ กล่าวต่อว่า อิสลามยังเรียกร้องให้ออกกฎหมายชารีอะห์ สำหรับชาวอิสลาม ดังนั้น ถึงเวลาแล้วที่จะต้องยกเลิกกฎหมายมักง่าย เป็นเครื่องทำลายพระพุทธศาสนา ฆ่าพระภิกษุจากพระธรรมวินัย ดังนี้ 1. ห้ามสึกพระโดยที่คดียังไม่ได้พิพากษาจนถึงที่สุด 2. ระบบพิจารณาคดีที่ใช้กับพระภิกษุควรเป็นระบบไต่สวน ซึ่งให้อำนาจศาลในการแสวงหาข้อเท็จจริง และพยานหลักฐานเพิ่มเติมในคดี นอกเหนือไปจากที่คู่ความเสนอต่อศาลได้ เพื่อให้พระภิกษุได้รับความเป็นธรรมในการพิจารณาพิพากษาคดี 3. คดีของพระภิกษุให้ตั้งศาลสงฆ์ มีคณะพิจารณาไต่สวนเฉพาะ มีผู้แทนคณะสงฆ์เข้าร่วมพิจารณาด้วย โดยยึดหลักพระวินัยร่วมกับกฎหมายทางโลก ถ้าหลักฐานไม่พอก็จบกันไป ถ้าหลักฐานพอก็ดำเนินคดีไปตามกระบวนการยุติธรรม 4. การพิจารณาไต่สวนให้ทำในวัดที่เหมาะสมไม่เสียสมณสารูป และ5. คดีใหญ่ที่เป็นที่สนใจ ให้เชิญองค์กรพุทธทั่วโลกร่วมสังเกตการณ์ด้วย เพราะพระภิกษุทั้งโลกก็ใช้พระวินัยของพระพุทธเจ้าเหมือนกัน
ทางด้าน พระมหาทศพร กล่าวถึงกรณีที่ทางกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ระบุว่าจะจบเรื่องวัดพระธรรมกายไม่เกิน 5 วัน ว่า เรายังคงถือการปฏิบัติธรรมอย่างสงบ สันติ อหิงสา ไม่ว่าจะกี่วันก็ตาม วัดพระธรรมกายยืนยันปฏิบัติธรรมอยู่ในวัดอย่างสงบ รวมถึงสาธุชนที่รักและปกป้องวัดที่ตัวเองได้รักษาไว้ ส่วนการที่วัดออกแถลงการณ์เช่นนี้ จะเป็นการไม่ยอมรับกระบวนการยุติธรรมหรือไม่นั้น วัดเชื่อมั่นและยอมรับในระบบยุติธรรมของประเทศไทย ขอให้ท่านผู้มีอำนาจได้ให้ความยุติธรรมแก่วัดพระธรรมกายด้วย หลวงพ่อธัมมชโยเพียงแค่ถูกตั้งข้อกล่าวหาเท่านั้น ยังไม่มีความผิดเลยแม้แต่น้อย ที่ผ่านมาในอดีตมีพระถูกลาสิกขาก่อนแล้วค่อยพิจารณาคดีก็ไม่มีความผิดอะไร เท่ากับเป็นการประหารชีวิตพระทั้งๆ ที่ไม่มีความผิดเลย ขอให้ท่านผู้มีอำนาจได้ยกเลิก ม.44 เพื่อเห็นแก่ชาวพุทธและชาวบ้านที่อยู่แถวนี้
ส่วนที่ ทางดีเอสไอได้ติดต่อเรื่องการตรวจค้นอาคารบุญรักษา นั้น พระมหาทศพร กล่าวว่า ไม่ทราบรายละเอียด ตนไม่เจอตัวพระสนิทวงศ์ วุฒิวังโส ผู้อำนวยการสำนักสื่อสารองค์กร และวัดไม่มีความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับผู้ชุมนุมที่ตลาดกลางคลองหลวง เป็นเรื่องของผู้ที่ศรัทธา เมื่อถามย้ำว่าการออกแถลงการณ์นี้จะทำให้สังคมมองว่าพระจะอยู่เหนือกฎหมายหรือไม่ พระมหาทศพร ปฏิเสธที่จะตอบคำถามโดยระบุว่า ขอจบการแถลงข่าวเพียงเท่านี้
ทั้งนี้ ช่วงก่อนการแถลงข่าว ผูสื่อข่าวรายงานว่า มีศิษยานุศิษย์ได้ออกมาชูป้ายด้านหลังคณะสงฆ์ผู้แถลงข่าว ข้อความระบุว่า "ประเทศไทยเป็นเมืองพุทธจริงหรือ ทำไมใช้กฎหมายแกล้งฆ่าพระ"