เมื่อเวลา 09.00 น.วันที่ 1 มี.ค.ที่เมืองทองธานี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานในพิธีเปิดงานการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบอย่างบูรณาการและยั่งยืนว่า ประชาธิปไตยคือการเห็นชอบร่วมกันของรัฐและประชาชน จึงต้องสอบถามประชาชนว่าเห็นด้วยหรือไม่ แต่สิ่งสำคัญคือต้องยึดตามหลักกฎหมาย อย่างไรก็ตามทุกคนต้องช่วยกัน ทำให้ประเทศดีขึ้น ไม่ใช่มองแต่ว่าตนมาแบบไม่ถูกต้อง เพราะตนรู้ว่าตนมาไม่ถูกอยู่แล้ว แต่ต้องดูว่ามาทำอะไร ขออย่ารังเกียจตนเลย ให้กำลังใจมีสติทำงานต่อไปดีกว่า ไม่เช่นนั้นทำอะไรก็แย่ไปหมด เพราะต้องคุ้ยปัญหาออกมาแก้ไขทั้งหมด ทั้งที่มีโอกาสมากกว่าประเทศอื่นๆ
ทั้งนี้ คนไทยใจร้อนบอกว่า 2 ปีรัฐบาลทำไม่เสร็จสักที แต่ที่ผ่านมามันกี่ปีแล้ว ก็ยังทำไม่เสร็จ แต่ตนไม่ได้บอกว่าดีหรือเลวและไม่โทษใคร แต่โทษที่ปล่อยปะละเลยมาจนถึงวันนี้ ซึ่งตนมีส่วนผิดที่ทำให้มีปัญหาจนถึงตอนนี้เพราะเป็นประชาชนที่เสียภาษี เชื่อฟังและทำตามรัฐบาล แต่ตอนนี้ต้องแก้ปัญหาถูกวิธี ถูกกฎหมาย มีความชอบธรรมและเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การตัดสินใจต้องใช้หลักคิดในการดำรงชีวิต อย่าใช้ความรู้สึก โดยขอให้ทุกคนทบทวนตัวเอง ไม่ใช่ชอบหรือไม่ชอบแล้วเลือกทำ หากตนทำไม่ดีก็ไม่ต้องชอบ เพราะตนไม่ได้ทำเพื่อให้ใครมาชอบ แต่ตนรู้ว่าหลายคนชอบตนจึงมานั่งฟัง เพราะตนมีความจริงใจ ไม่มีอะไร อาจมีปัญหาการทำงานอยู่บ้าง แต่เชื่อว่าต้องแก้ได้ ขออย่าขยายความกันมากนัก เพราะตอนนี้ทุกประเทศมีปัญหา เพราะเส้นแบ่งสิทธิมนุษยชนกับการทำผิดกฎหมายเป็นเส้นแบ่งเดียวกัน ใครทำผิดกฎหมายอย่ามาอ้างเรื่องสิทธิมนุษยชน ที่ผ่านมาแม้จะมีปัญหาเรืองความไม่เป็นธรรม ต้องทำให้ชัดเจนขึ้น แต่ไม่ใช่เอาเรื่องสิทธิมนุษยชนมาอ้างเหมือนนิทานอีสปหมาป่ากับลูกแกะ ซึ่งตนไม่เข้าใจทำไมยังวุ่นวาย จึงต้องเอาปัญหาขัดแย้งวางไว้ก่อน เพราะยังมีปัญหาอีกมากที่ต้องเร่งแก้ไข ยืนยันฟังมากกว่าทุกรัฐบาล บางครั้งฟังแล้วก็หมดกำลังใจ แต่ตนอาสาเข้ามาเอง ก็ต้องทำให้ได้ ทุกคนก็ต้องร่วมชะตากรรมกับตนและ ขอโทษรัฐมนตรีทุกคนที่พามาลำบากแต่เพื่อทำให้ประชาชนสบาย
"ขอให้เข้าใจว่าผมทำเพื่ออะไร คำสั่งของผม ขอเถอะ ถ้าไม่ชอบ ม.44 ก็ขอเป็น 45 แล้วกันแหม่บอกให้เลิก ให้เลิก บ้านเมืองอยู่อย่างนี้จะเลิกยังไง ถ้าแก้ไม่ได้ จาก44 ก็ร่างใหม่เป็น 88 เพิ่มเป็น 2 เท่า ไปเลยแล้วกัน แต่ไม่ว่ากฎหมายอะไรก็ใช้ไม่ได้ ถ้าคนไม่ทำตาม ทุกคนอยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกันไม่ว่าอยู่ในสถานะใดก็ตาม"