นายบุญเกิด เผยว่า "ที่อยากขอร่างหลวงพ่อคูณคืน ได้รับแรงกดดันจากทางญาติ มีลูกศิษย์ที่เขานับถือ เจอหน้าเมื่อไหร่เขาก็ถามว่าไม่อยากได้ร่างของหลวงพ่อคูณกลับไปวัดเหรอ เมื่อเจอคำถามบ่อยเราก็มาคิดว่าถ้าเรานิ่งเฉย มันก็เหมือนกับว่าเราไม่รู้จักบุญคุณ
ทีแรกเราก็ชี้แจงไปว่าในพินัยกรรมก็มีระบุไว้ เขาก็บอกเราว่าพินัยกรรมมันสู้เรื่องความเป็นเครือญาติไม่ได้ เขาก็พยายามให้เราทำอย่างนี้(ขอคืนร่างหลวงพ่อ)ตลอด เมื่อเรามีแรงกดดันก็ทำ อยากให้เขาได้รู้ได้เห็นว่าเราทำแล้วจริง เราก็เข้าใจตามพินัยกรรม แต่ว่าถ้าเรานิ่งเฉยโดยไม่ทำอะไรเราก็ถูกเขาตำหนิ"
ด้านนายประทีป กล่าวว่า "ที่มาเรียกร้องวันนี้คืออยากให้เขาทำตามที่เขาได้พูดไว้ เขาพูดก่อนที่จะให้ผมเซ็นเขาบอกว่าให้ทำตามใจหลวงพ่อ ทำให้หลวงพ่อสบายใจเฉยๆ โดยที่เขาจะไม่นำร่างของหลวงพ่อไป พินัยกรรมนี้ทำเพื่อให้หลวงพ่อสบายใจ เขาบอกผมอย่างนั้น ผมถึงได้ไปเซ็นให้ เหตุผลที่เขาบอกกับผมว่าจะไม่เอาเพราะว่า 1.อายุท่านเยอะ 2.น้ำหนักท่านไม่ได้ 3.ท่านมีอาการอาพาท ทีแรกผมก็จะไม่เซ็นให้ ถ้ามีการเอาไปผมก็ไม่เซ็น ผมมีพยานบุคคลอีกหลายคน"
พิธีกรถามว่า นอกเหนือจากศรัทธายังมีเรื่องผลประโยชน์ วัดบ้านไร่เวลานี้มีหนี้สินด้วย นายประทีป กล่าวว่า "วัดบ้านไร่เป็นหนี้ ครั้งแรกที่แจ้งหนี้ออกมาร้อยกว่าล้านครับ การนำสรีระของหลวงพ่อคูณกลับไปมันก็มีส่วนไปช่วยตรงนี้"
นายสุดท้าย กล่าวด้วยว่า "ในฐานะลูกหลานสายเลือดก็ไม่อยากให้หลวงพ่อคูณติดหนี้ไปจนจะเผาร่าง คือพอบอกว่าวัดปุ๊บ ใครเป็นเจ้าอาวาสตอนนั้น ก็ต้องไปถึงหลวงพ่ออยู่ดี ในฐานะผมเป็นลูกหลาน ถามว่าเกี่ยวข้องไหม ไม่เกี่ยวครับ แต่ว่าความผูกพันที่ว่ามันเป็นบ้านเกิดเมืองนอนของหลวงลุง(หลวงพ่อคูณ) ความเป็นสายเลือดของความเป็นชาวโคราชที่หลายคนบอกว่าทำไมปล่อยให้วัดบ้านไร่เป็นหนี้สินเขาอยู่ ไม่สบายใจครับ"
พิธีกรถามว่าต้องยอมรับตรงๆ ว่าต้องการนำสรีระของท่านมาฌาปณกิจเพื่อให้ชาวบ้านมาทำบุญ และเอาเงินมาปลดหนี้ตรงนี้ ถูกต้องมั้ย นายสุดท้ายยอมรับ "ถูกต้องครับ ชัดเจนเลย คำว่าผลประโยชน์อย่างที่คุณแม่เคยเล่า คำว่าคูณอยู่ที่ไหนก็มีผลประโยชน์ที่นั่นครับ เพราะฉะนั้นวาระสุดท้ายก็คิดกันแล้วว่า ผลประโยชน์อันสุดท้ายก็น่าจะเกิดกับวัดบ้านไร่ 2 ปีที่ผ่านมาคนที่มาทำบุญน้องลง และเขาก็มีหนังสือท้วงติงมาอยู่เรื่อยๆ โดยเฉพาะผมที่พอได้เป็นที่ปรึกษาเจ้าอาวาสคนใหม่ ก็ได้รับโทรศัพท์การทวงหนี้อยู่เรื่อยๆ"
พิธีกรถามต่ออีกว่าบางคนก็มองว่าอาจมีคนยึดเงินเข้ากระเป๋าตัวเอง นายสุดท้ายกล่าวว่า "ผมยังยึดพินัยกรรมข้อ 6 ที่ว่าให้ท่านนายอำเภอด่านขุนทด ศึกษาธิการอำเภอ หรือเป็นสำนักพุทธที่เป็นผู้เข้าดูแลตรงนี้ เรื่องของทรัพย์สินตอนนี้เขาก็ดำเนินการตรวจสอบไปหมดแล้วนะครับ"