หลังจากที่รายการเล่นใหญ่จัดใหญ่โดย "บุ๋ม ปนัดดา" เป็นผู้ดำเนินรายการ ทางช่องไบร์ททีวี เมื่อ "อุ๋ย บูดาเบส" นายนที เอกวิจิตร ที่ก่อนหน้านี้ได้ออกมาโพสต์ถึงวัดพระธรรมกายอย่างดุเดือด และอีกฝ่ายเป็นตัวแทนจากลูกศิษย์วัดพระธรรมกาย "อัยย์ เพชรทอง"องค์กรพลังชาวพุทธ (กัลยาณมิตรวัดพระธรรมกาย) มาดีเบตกันในเรื่องที่เป็นปมร้อนขณะนี้
โดยช่วงหนึ่งของรายการ อุ๋ยได้ถามอัยย์ว่า นายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานกรรมการสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น เคยเป็นไวยาวัจกรวัดพระธรรมกายอยู่หลายปี ยักยอกเงินคนอื่นมาทำบุญ แล้วเพราะเหตุใพระธัมมชโยถึงมุสาม่ไม่รู้จักพร้อมแสดงหลักฐานบันทึกคำให้การของศาลพระธัมมชโยถึงได้ปฏิเสธว่าไม่รู้จักกับนายศุภชัย จากเว็บไซต์ไทยพับลิก้า
" เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2557 ที่ศาลจังหวัดธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี ศาลนัดไต่สวนคดี จำเลยที่ 1(ธัมมชโย) และ 2 ให้การว่า จำเลยรับเงินบริจาคจากนายศุภชัยโดยสุจริต จำเลยไม่รู้จักกับนายศุภชัยเป็นการส่วนตัว อีกทั้งไม่ทราบที่มาของเงินว่าเป็นของสหกรณ์ฯ คลองจั่นที่นายศุภชัยบริหาร คิดว่าเป็นเงินส่วนตัว รู้เพียงนายศุภชัยเป็นผู้มีศรัทธาบริจาคทรัพย์สินเหมือนกับคนอื่นๆ ทั่วไป โดยวัดนำเงินดังกล่าวไปใช้ประโยชน์สาธารณะ เช่น สร้างศาสนสถาน หรือจัดโครงการเพื่อเผยแพร่พุทธศาสนาโดยวัดพระธรรมกาย นอกจากนี้ยอมรับว่ารับเช็คจริงแต่มีเพียงแค่ 15 ใบจากที่โจทก์กล่าวหาว่ามี 16 ใบ"คำถามสำคัญคือ เป็นไวยาวัจกรไม่รู้จักกับพระธัมมชโยได้อย่าไร?? ในเมื่อไวยาวัจกรต้องแต่งโดยเจ้าอาวาส นั่นก็คือ ธัมมชโย
ด้านอัยย์ ได้กล่าวสวนกลับโดยทันที ..เอกสารในโลกโซเชียลอาจมีการปลอมแปลงเกิดขึ้นได้ และการที่ธัมมชโยไปบอกว่าไม่รู้จักกับนายศุภชัย นั้นไม่เป็นความจริงเนื่องจากธัมมชโยไม่เคยออกไปขึ้นศาลเลย พร้อมยืนยันว่าธัมมชโยไม่เคยออกจากวัด จึงไม่เคยไปศาลด้วยตนเองแล้วธัมมชโยจากไปบอกว่า "ไม่รู้จักกับนายศุภชัยต่อหน้าศาลได้อย่างไร"
สำหรับประเด็นนี้การให้ปากคำกับศาล โดยจำเลยไม่จำเป็นต้องเดินทางมาศาลหรือให้การในชั้นศาลเพียงอย่างเดียว แต่สามารถให้การผ่านทางใบบันทึกการให้ไปได้ ดังนั้นข้อมูลที่อุ๋ยได้ยกตัวอย่างในข้างต้น เป็นความจริงและสมเหตุสมผล เพราะที่ผ่านมา ธัมมชโยไม่เคยมาศาลด้วยตนเองเนื่องจากอ้างว่า..ป่วยโดยอัยย์ได้กล่าวต่อว่า ธัมมชโยจะบอกไม่รู้จักได้อย่างไร เพราะได้รับกฐินด้วยมือตนเอง! โดยย้ำว่าคนทั้งวัดรู้หมดว่าธัมมชโยกับนายศุภชัยรู้จักกันดี แล้วจะปฏิเสธว่าไม่รู้จักได้อย่างไร
ทั้งนี้จากคำตอบโต้ของอัยย์ ซึ่งแปลความหมายได้ว่าพระธัมมชโยกับนายศุภชัยมีความสนิทสนมกันเป็นอย่างดี ดังนั้นในเมื่อสนิทมนมกันก็น่าจะรู้ว่านายศุภชัย ไม่ใช่คนมีฐานะมากพอ ที่จะบริจาคเงินให้กับทางวัดมากมายหลายร้อยล้าน ยิ่งทำให้เกิดข้อสงสัยที่ค้างคาในใจของสังคมไทยว่าทำไม พระธัมมชโยถึงไม่ตะขิดตะขวงใจถึงที่มาของเงินที่นายศุภชัยนำมาบริจาค
อนึ่ง นายศุภชัยเคยเป็นประธานกฐินวัดพระธรรมกายปี 2552 และร่วมเป็นไวยาวัจกร (ผู้ดูแลเงินของวัด) ต่อเนื่องหลายปี อีกทั้งเป็นผู้ก่อตั้งและเป็นประธานของสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนมงคลเศรษฐี ซึ่งตั้งอยู่ในอาณาเขตวัดพระธรรมกาย ปทุมธานี มีทรัพย์สินมากกว่า 4,000 ล้านบาท นับเป็นสหกรณ์ประเภทเครดิตยูเนียนที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ของประเทศไทยรองจากสหกรณ์ฯ คลองจั่น