โคตรเดือด!!! สนธิญาณ ลั่นอะไรก็เกิดขึ้นได้ใต้ยุทธศาสตร์ จุดไฟ…ทุกหย่อมหญ้า นำพาสู่สถานการณ์สู้รบ !!

ข้อมูล :  สำนักข่าวทีนิวส์  ที่มาข้อมูล  :  คอลัมน์  ทางเดียวไม่เลี้ยวไปไหน /หน้า 14 หนังสือฐานเศรษฐกิจ/ฉบับ 3238 ข้อมูล : สำนักข่าวทีนิวส์ ที่มาข้อมูล : คอลัมน์ ทางเดียวไม่เลี้ยวไปไหน /หน้า 14 หนังสือฐานเศรษฐกิจ/ฉบับ 3238

ตลอดต่อเนื่องสัปดาห์หน้าเป็นต้นไป มีหลายสถานการณ์ร้อนประเทศที่ต้องเฝ้าจับตาว่าบทสรุปของแต่ละเรื่องราวจะจบลงในแบบไหน อย่างไร ?? ตามปัจจัยแวดล้อมของเหตุและรากเหง้าปัญหาในอดีต ซึ่งถูกหมักหมมมาโดยตลอดหลายยุครัฐบาล และกำลังได้รับการสะสางแก้ไขตามบทบัญญัติกฎหมายและความถูกต้องชอบธรรมอย่างที่ควรเป็น !!!

ล่าสุด "สนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม" ผู้อำนวยการสำนักข่าวทีนิวส์ ได้เขียนบทความเรื่อง "จุดไฟ...ทุกหย่อมหญ้า นำพาสู่สถานการณ์สู้รบ!!" สะท้อนหลายสิ่งหลายอย่างที่ถือเป็น HOT ISSUE ตอกย้ำภาพรวมสถานการณ์ร้อนประเทศไทย บ่งชี้ว่าถึงแม้ว่ารัฐบาลคสช.จะอยู่ในฐานะได้เปรียบเรื่องดุลอำนาจ แต่ "พล.อ.ประยุทธ์ และ คสช." เองกฌต้องไม่ตั้งตนอยู่บนความประมาทเป็นอันขาด ตามรายละเอียดสาระที่ปรากฏดังนี้ หนทางอันตีบตันของ "ระบอบทักษิณ" ในการจะพลิกฟื้นอำนาจรัฐมาอยู่ในมือ ผ่านการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตตาม "Roadmap" แทบจะเป็นไปไม่ได้ด้วยเงื่อนไขของ "รัฐธรรมนูญฉบับประชามติ" นั้นปิดกั้นไว้!!!

 

หรือแม้แต่ขอเพียงแค่ "หยุดการรุกคืบ" ด้านกฎหมายกับผู้คนอันเกี่ยวข้องก็ไม่เป็นผล เพราะคดีของ "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" ก็ยังเดินหน้าไปตามกระบวนการยุติธรรม มิหนำซ้ำ "พานทองแท้ ชินวัตร" หรือ "ลูกโอ๊ค" ก็อกสั่นขวัญแขวนกับ "คดีฟอกเงิน" กรณี กฤษดามหานครกับแบงก์กรุงไทย ซึ่งมีแนวโน้มสูงยิ่งที่จะ "โดน"เพราะการแถลงของ "DSI" ในช่วงที่ผ่านมานั้น ไม่ได้ยืนยันว่าบริสุทธิ์ และการที่บอกว่าต้องสอบข้อมูลเพิ่มเติมก็มีความหมายว่าหลักฐานต่างๆ มันปรากฏชัดกว่าครึ่งแล้ว ที่สอบเพิ่มก็เพราะต้องการเอาให้แน่นดิ้นไม่หลุด!!!

 

ด้วยเหตุนี้เมื่อหนทาง "ตีบตัน" ก็ไม่ต้องพูดถึง "การประนีประนอม" หรือ "การปรองดอง" นับจากนี้สังคมไทย "คสช."และ "รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา" เตรียมตั้งรับกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเอาไว้ได้เลย

 

จับตา "ยุทธศาสตร์จุดไฟเป็นหย่อมๆ" แฝงตัวและเชื่อมโยงให้กลายเป็นไฟกองใหญ่แล้วให้ "กระแสลม" จาก "สหรัฐอเมริกา" พัดพาโหมกระหน่ำให้ "คสช.และ"รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์" มีอันเป็นไป ซึ่งนั่นหมายความว่าจะทำให้" กองทัพอ่อนแอ" ลง ด้วยเพราะเป็น "กำลังหลัก" จากนั้นก็จะรุกคุกคามสู่ "สถาบันหลักของประเทศ"

 

วันนี้จาก "สถาบันหลักของชาติ" สู่รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์และกองทัพกับประชาชนส่วนใหญ่เป็น "หนึ่งเดียวกัน" ยากในการที่จะต่อกรสู้รบในรูปแบบเดิม การประนีประนอมใดๆ ก็ไม่เห็นหนทาง การสู้รบที่แตกหัก และ "เปลี่ยนระบบการปกครอง" ตามแผนการที่วางไว้จึงต้องเดินเครื่องอย่างเต็มที่

 

บทเรียนจากการชุมนุมของ "คนไม่เอาถ่าน" กรณีโรงไฟฟ้ากระบี่ย่อมจะเห็นได้อย่างชัดเจนถึงการเข้าแทรกซึมเชื่อมโยงขยายผลจากผู้ที่มาชุมนุมด้วยความบริสุทธิ์ใจ!

 

และเหตุการณ์ของ "ธรรมกาย" ที่ต่างฝ่ายต่างก็มาถึงจุดยอมกันไม่ได้ เพราะธรรมกายถ้ายอมก็หมายถึงการล่มสลาย ในส่วน "อำนาจรัฐ" หากยอมรามือในครั้งนี้ก็จะมีแต่ความเสื่อมถอยขาดความน่าเชื่อถือเพราะถึงขนาดเอา "มาตรา 44" มาใช้ก็ยังไม่ได้ผล ก็ไม่รู้จะพูดว่าอย่างไรแล้ว

 

การต่อสู้ในรูปแบบของ "นปช." และ "พรรคเพื่อไทย" ไม่ใช่หนทางที่จะถูกเลือกเดิน เพราะแยกมิตรแยกศัตรูเห็นได้ชัดเจนเกินไป ดังนั้นการรอจังหวะวันเวลาเติมเชื้อไฟในทุกกระแสความ "ขัดแย้งของสังคมไทย" ที่จะเกิดขึ้นกับ "คสช." และ "รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์" ซึ่งมีเรื่องเปราะบางรออยู่อย่างมากมาย คือจุดมุ่งหมายที่จะ "จุดไฟ" ให้ลามเลียไปทุกหย่อมหญ้า

 

"คสช."และ"รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์" ต้องตั้งรับให้ดีนอกเหนือจากความบริสุทธ์ใจที่มีแล้ว จะต้องมีสติปัญญาในการแยกมิตรแยกศัตรูให้ชัดเจน อย่าได้ "ผลักมิตร" ให้ไปยืนข้างศัตรูเป็นอันขาด!!

 

 


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์