รายการ "ยุคลถามตรง สนธิญาณฟันธงตอบ" ประจำวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2560 ออกอากาศทางช่อง ไบรท์ทีวี หมายเลข 20 ดำเนินรายการโดย คุณยุคล วิเศษสังข์ (หนึ่ง) ได้สัมภาษณ์คุณสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม (ต้อย) กรรมการผู้อำนวยการบริษัท ทีนิวส์ทีวี โดยมีเนื้อหาดังต่อไปนี้
สนธิญาณ : ผมอยู่ในระหว่างการเดินทางนะครับคุณยุคลในวันนี้เนี่ย เพื่อไปประชุมนะครับแล้วก็สัมมนาผู้สื่อข่าวภูมิภาคของสำนักข่าวทีนิวส์ประจำภาคตะวันออกทั้งหมดที่พัทยานะครับ เพราะฉะนั้นหากว่ามีกรณีผิดพลาดนะครับ เสียงอาจจะขาดช่วงก็ต้องขออภัยแล้วก็ต่อมาใหม่นะครับ เสียงชัดเจนดีไหมครับ
ยุคล : ฟังได้ครับ ชัดเจนครับ
สนธิญาณ : ครับ ต้องกลับมาดูสถานการณ์ที่วัดพระธรรมกายแหละครับว่า ถึงสถานการณ์ในขณะนี้แล้วเนี่ยนะครับ ต้องชัดเจนนะครับว่าหัวเด็ดตีนขาด ทางฝากฝั่งวัดพระธรรมกายไม่ยอมในการที่จะปฏิบัติตามกฎหมาย ย้ำนะครับ ไม่ยอมในการที่จะปฏิบัติตามกฎหมาย และที่สำคัญก็คือการไม่ยอมปฏิบัติตามมาตรา 44 นั่นเอง เพราะฉะนั้นยุทธ์ศาสตร์ของวัดพระธรรมกายในขณะนี้เนี่ยนะครับ จึงแบ่งเป็นสองส่วนด้วยกัน หนึ่งต้านเจ้าหน้าที่ในพื้นที่แล้วก็สร้างประเด็นให้ดูว่าเป็นการถูกคุกคาม ถูกทำร้าย ถูกใช้ความรุนแรงเอามาตรา 44 มาใช้ อีกด้านหนึ่งก็คือเคลื่อนไหวต่อไปในภายนอก ระดับโลก ระดับสากล ระดับองค์กร สิทธิ์มนุษยชนต่างๆนะครับ เพื่อตีโอบมาอีกทางหนึ่งว่าวัดพระธรรมกายถูกใช้อำนาจอย่างไม่เป็นธรรม เพราะฉะนั้นความหมายในการที่เดินหน้าของวัดพระธรรมกายก็คือ ชัดเจน ไม่ยอม เพราะฉะนั้นก็ต้องมีการตั้งคำถามกันล่ะครับว่า ทำไมวัดพระธรรมกายถึงไม่ยอม เหตุผลอะไร กลับมาดูข้อเท็จจริงว่า คดีวันนี้พุ่งสูงมาถึงกี่คดีแล้วนะครับ คุณยุคล
ยุคล : 314 คดี ครับ
สนธิญาณ : 314 คดี คือทางฝากฝั่งอำนาจรัฐเนี่ยนะครับ จะใช้มาตรา 44 หรือไม่ก็ตามแต่เนี่ยนะครับ ยังไงไอ้ 314 คดีนี้ก็ต้องถูกดำเนินการไปตามกฎหมาย ไปตามกระบวนการยุติธรรม ยกเลิก หลีกเลี่ยง ไม่ได้ เจ้าหน้าที่ไปยกเลิก หลีกเลี่ยง ก็ต้องโดนมาตรา 157 เพราะฉะนั้นกลไกของกฎหมายนะครับ ซึ่งเป็นแกนเป็นรากฐานของสังคมเนี่ย มันต้องเดินไป เมื่อมีการกระทำผิดกฎหมาย บุคคลผู้นั้นไม่ว่าจะเป็นใคร ไม่ว่าจะเป็นพระเป็นคน ทุกคนในประเทศนี้อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญและภายใต้กฎหมาย อำนาจรัฐเองนะครับฝั่งที่เชียร์ตอนนี้นะครับ เราจะเห็นได้ว่า ได้แสดงอาการเบื่อหน่าย โอ๊ย 9 วัน 10 วันแล้ว ไม่เห็นจะทำอะไรซักทีนึง จะเอาอะไรก็เอาไปที นะ แตกหักไป อันนี้เนี่ยผมเรียนได้เลยนะครับ เข้าทาง ย้ำนะครับ จะเข้าทางซิ่งที่เครือข่ายศิษยานุศิษย์ของวัดธรรมกายต้องการ คิดดูซิครับ เขารู้อยู่แล้ว มันหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะฉะนั้นเขาจะยื้อ การยื้อไปเรื่อยๆเนี่ยนะครับ เพื่อให้บรรจบกับแผนใหญ่ ในการตีโอบ การสร้างความวุ่นวายให้กับบ้านเมือง ในการลดทอนความน่าเชื่อถือของอำนาจรัฐลดลง เพราะฉะนั้นฝากฝั่งกองเชียร์เนี่ยต้องใจเย็นครับ เราอาจจะเห็นเข้าแล้วจะออกนะครับ ทำท่าจะทำโน่นทำนี่แล้วก็ถอย แต่ในความจริงก็ต้องเห็นเหมือนกันว่าอำนาจรัฐเนี่ยนะครับ ก็รุกเข้าไปเรื่อยๆ เพียงแต่มันไม่สามารถที่จะไปใช้ความรุนแรงนะครับ หรือความหมายของความรุนแรงไม่ได้หมายความไปทุบตีเนี่ยนะครับ แม้แต่จะใช้น้ำฉีด อ้าว มันก็จะมีภาพออกไปอีก ว่าเห็นไหมกับพระก็ยังใช้อย่างโน้นอย่างนี้ ซึ่งความจริงสภาพของคนเหล่านั้นเนี่ยไม่มีสภาพของความเป็นพระแล้ว นะครับ จุดนี้จึงเป็นจุดที่ฝ่ายเชียร์เนี่ยนะครับต้องระมัดระวัง เพราะว่าอีกฝ่ายหนึ่งเหมือนผมเรียนว่าต้องสรุปให้ได้ว่าเขาไม่ยอม เขารู้อยู่แล้ว ว่ายังไงอำนาจรัฐก็ไม่ยอม เพราะฉะนั้นเขาด้วยเหตุผลอะไร หนึ่งหวังผลทางการเมืองที่ไปเชื่อมโยงการเมืองใหญ่ สองมันจะมีอะไรซ่อนเร้นอยู่ในวัดพระธรรมกาย อันนี้ก็เป็นสิ่งที่จะต้องหาคำตอบกันต่อไป ใน 27 อาคาร ในความสลับซับซ้อน ในอาณาจักร คุณยุคล วัดพระธรรมกายนั้นเป็นสิ่งที่ไม่เคยมีใครเข้าไปแตะหรือเข้าไปสัมผัสเกี่ยวข้องได้เลยนะครับ เพราะฉะนั้นถึงเวลานี้เนี่ยนะครับเราต้องดูนะครับว่าทั้งสองฝ่าย อำนาจรัฐ ถอยเมื่อไหร่ จบสิ้น แต่ฟังท่านนายกฯ พลเอกประยุทธ์ว่า ไม่มีถอยแน่นอน วัดพระธรรมกายก็ไม่ยอม มันยังไงอะ มันก็ต้องมีจุดจบล่ะครับ และจุดจบนั้น แน่นอนครับ ต้องเป็นจุดจบที่ต้องเกิดขึ้นกับวัดพระธรรมกายที่ต้องปฏิบัติตามกฎหมาย เพราะถ้าทำไม่ได้ ก็เป็นรัฐอิสระทัน