โดยรายงานของ สปสช. ระบุว่า ในปี 2558 มีผู้ใช้ประโยชน์จากโครงการนี้ ประมาณ 159 ล้านครั้ง เฉพาะในปีดังกล่าว ดังนั้น รัฐบาลที่จะเข้ามาบริหารประเทศ ไม่ว่าจะเป็นพรรคการเมืองใด จะเป็นเผด็จการหรือไม่ ก็ควรเห็นความสำคัญ อย่าล้มโครงการ 30 บาท รักษาทุกโรค เพียงเพราะรังเกียจว่าเป็นโครงการที่พรรคไทยรักไทยคิดขึ้นมาในอดีต แต่ควรมองผลประโยชน์ที่พี่น้องประชาชนจะได้รับเป็นหลัก อย่ามัวแต่ระแวงว่านักการเมืองคนไหนจะได้เครดิตจากนโยบายนี้ เพราะความสำเร็จของโครงการดังกล่าว ไม่ได้เป็นเพราะฝ่ายการเมืองเท่านั้น แต่เกิดจากความร่วมมือและความเสียสละของบรรดาแพทย์ พยาบาลและบุคลากรด้านสาธารณสุขทั้งหมด ที่ร่วมกันขับเคลื่อนโครงการนี้จนประสบความสำเร็จ
ในส่วนของรัฐบาล พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็ไม่ควรจ้องล้มเลิกโครงการ 30 บาท รักษาทุกโรคเช่นกัน แต่ควรเพิ่มงบประมาณให้ด้วยซ้ำ อย่ามองคนจนเป็นภาระของประเทศ ถ้าหากรัฐบาลกำลังถังแตก ก็อย่าแก้ปัญหาง่าย ๆ ด้วยการตัดงบประมาณของชาวบ้าน เพื่อที่จะได้เหลือเงินไปซื้ออาวุธ ทั้ง ๆ ที่ คนส่วนใหญ่มองว่าไม่มีความจำเป็นและไม่สอดคล้องกับความต้องการของประเทศในเวลานี้แต่ควรจัดสรรการใช้งบประมาณอย่างเหมาะสม โดยใช้ในเรื่องที่จำเป็นเร่งด่วนก่อน เช่น พัฒนาคุณภาพการให้บริการด้านสาธารณสุข เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงการรักษาได้อย่างสะดวกและทั่วถึง รวมทั้งได้รับตัวยาที่มีคุณภาพที่ดีขึ้น ประชาชนจะได้มีสุขภาพที่ดีและเป็นทรัพยากรมนุษย์ที่มีคุณภาพ เพื่อเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศ ซึ่งก็มีความจำเป็นต่อความมั่นคงของชาติเช่นกัน