ในช่วงปลายปีที่ผ่านมา อันเป็นช่วงเวลาที่เหล่าพี่น้องชาวใต้ต่างประสบกับอุทกภัยได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก ส่งผลต่อการยังชีพ ดำรงชีพและประกอบอาชีพของประชาชนไม่น้อย ด้วยน้ำพระทัยของพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ จึงได้ทรงพระกรุณาโปรดให้มูลนิธิเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย ร่วมกับกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นำถุงยังชีพไปมอบให้กับประชาชน รวมทั้งประทานความช่วยเหลือต่างๆ อย่างไม่ขาดสาย
และเมื่อปัญหาอุทกภัยจบลงแล้ว ปัญหาการประกอบอาชีพยังไม่สิ้นสุด การขายสินค้าที่ผลิตไว้ไม่สามารถทำได้ มูลนิธิฯโดยร้านผลพลอยพอเพียงเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) จึงร่วมกับ "กรมการพัฒนาชุมชน" กระทรวงมหาดไทย จัดทำ "โครงการผลพลอยพึ่งภาฯ สินค้าชุมชนที่ประสบภัย" รวบรวมสินค้าที่มีคุณภาพและมีชื่อเสียงของชุมชนที่ประสบอุทกภัย 15 จังหวัด จัดเป็นคาราวานส่งจำหน่ายตามห้างสรรพสินค้าและธนาคารต่างๆ ในกรุงเทพฯและปริมณฑล
ในการนี้ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ เสด็จไปทรงปล่อยคาราวานสินค้า ณ วังสวนกุหลาบ พระราชวังดุสิต ด้วยพระองค์เอง พร้อมทอดพระเนตรสินค้าตัวอย่างชุมชนที่ประสบภัย และทรงโบกธงให้สัญญาณปล่อยคาราวานรถผลพลอยพึ่ง (ภาฯ) สินค้าชุมชนที่ประสบภัย
รศ.นพ.พิชิต สุวรรณประกร รองประธานมูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย กล่าวว่า พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ ทรงเล็งเห็นว่าการช่วยเหลือผู้ประสบภัยนั้น ต้องช่วยเหลือให้ประชาชนเหล่านั้นอยู่รอดได้ด้วยตัวเอง เมื่อเกิดเหตุอุทกภัยขึ้น พระองค์จึงทรงพระกรุณาให้ทางมูลนิธิฯรีบนำถุงยังชีพไปมอบให้ประชาชน ซึ่งภายในได้บรรจุสิ่งของหนัก 17 กิโลกรัม 38 รายการ อาทิ เสื้อผ้าชาย หญิง และเด็ก อาหารที่รับประทานได้สำหรับ 4 คนใน 1 สัปดาห์ ยารักษาโรค โดยได้นำไปมอบให้ประชาชนแล้วทั้งสิ้น 50,059 ครัวเรือน
"พระองค์ยังโปรดให้ประกอบอาหารสดร่วมกับกรมการพัฒนาชุมชนและพัฒนาการจังหวัด ทั้งสิ้น 348,629 ชุด ด้วยพระมหากรุณาธิคุณนี้พระองค์ยังได้เสด็จไปประทานถุงยังชีพและทรงประกอบอาหาร อาทิ ไก่ทอด ข้าวหน้าไก่ ประทานแก่ประชาชนด้วย"
ผศ.นพ.พิชิตกล่าวว่า เมื่อช่วยเหลือให้อยู่รอดแล้ว พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ ทรงมีพระดำริว่าจำเป็นจะต้องช่วยเหลือประชาชนให้มีอาชีพ และพึ่งตัวเองได้ด้วย โดยเฉพาะหลังประสบภัยที่พืชผลต่างๆ เสียหาย จึงเกิดเป็นโครงการนำผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นและสินค้าที่ชนะการประกวดมาใช้ จากการคัดเลือกของพัฒนาชุมชนฯจาก 70 ชุมชน ใน 15 จังหวัดภาคใต้ คือ ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร ระนอง พัทลุง สตูล ตรัง กระบี่ พังงา นครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี สงขลา ปัตตานี และยะลา รวม 200 รายการ มาส่งมอบสู่ตลาดตามซุปเปอร์มาร์เก็ตชั้นนำทั่วกรุงเทพฯและปริมณฑล จำหน่ายตั้งแต่วันนี้-19 มีนาคม โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย อาทิ น้ำลูกยอ ข้าวสังข์หยด กะปิ น้ำพริกกุ้งเสียบ ทุเรียนทอดอบกรอบ ส้มแขกแช่อิ่ม
"ด้วยพระดำริที่ทรงอยากให้ประชาชนพึ่งตนเองได้ ในอดีตได้มีการช่วยเหลือเกษตรกรให้สามารถปลูกข้าวไรซ์เบอรี่ได้ จนถึงกิจกรรมนี้ ซึ่งผู้ผลิตจะได้เรียนรู้ว่าจะต้องผลิตสินค้าเช่นไร จึงจะส่งขายในห้างได้ รวมถึงเป็นตัวอย่างที่ดีให้ชุมชน และหากสินค้าไปได้ดียังสามารถส่งขายต่อในซุปเปอร์มาร์เก็ตนั้นๆ ได้ด้วย ถือเป็นการจุดประกายให้ทุกคนพัฒนาตัวเองต่อไปได้" ผศ.นพ.พิชิตกล่าว
ร่วมอุดหนุนสินค้าตาม ห้างสรรพสินค้าและธนาคารต่างๆ ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ได้แก่ เทสโก้โลตัส พลัสมอลล์ บางใหญ่ และพระราม 4, ท๊อป ซุปเปอร์ มาเก็ต สาขาแจ้งวัฒนะและลาดพร้าว, big c สาขาราชดำริ, แมคโคร สาขาลาดพร้าว และแจ้งวัฒนะ เดอะมอลล์ สาขา บางแค งามวงวาน บางกะปิ ท่าพระ ธนาคารธนชาติ สำนักงานใหญ่ และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร หรือ ธกส. สาขาบางเขน ซึ่งผู้ผลิตสินค้าในชุมชน จะได้รับเงินจากการจำหน่ายสินค้า โดยไม่หักค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น อันเป็นการฟื้นฟูอาชีพให้ชุมชน และเปิดโอกาสให้สินค้าชุมชนเป็นที่รู้จัก โดยจำหน่ายระหว่างวันที่ 16 กุมภาพันธ์ถึงวันที่ 19 มีนาคม 2560